แม่พังสร้อยทอง ช้างป่าทองผาภูมิ ป่วยแก้มบวม ล้มแล้ว
24 มิ.ย. 2567, 07:45
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2567 พระครูภาวนาสุทธาจารย์ (หลวงพ่อสาคร ธัมมาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดเวฬุวันวนาราม (วัดเวฬุวัน) ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ประธานมูลนิธิคชสาร และนายปฐม แหนกลาง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก พบแม่พังสร้อยทอง ช้างป่าทองผาภูมิ เพศเมียอายุประมาณ 40- 50 ปี มีอาการป่วยแก้มซ้ายอักเสพอย่างรุนแรงจนแก้มบวมขนาดใหญ่ ออกหากินอยู่กับลูกเพศผู้อายุ ประมาณ 2 ปี จึงรีบแจ้งนายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ
และหลังจากนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้รับรายงาน จึงมอบหมายให้ สพ.ญ.กิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด สัตวแพทย์ศาสตร์กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย สัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ร่วมกับ ผศ.ดร.สพ.ญ.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์ สพ.ญ.สุธีรานันท์ พิพิธวณิชธรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พระครูภาวนาสุทธาจารย์ (หลวงพ่อสาคร ธัมมาวุโธ) ประชุมหาแนวทางในการรักษามาอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ได้ยิงไซลาซีน (Xylazine) ที่เป็นยาซึม เมื่อยาออกฤทธิ์ คณะสัตวแพทย์จึงใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจแก้มด้านซ้ายเพื่อหาสาเหตุของการบวม พบลักษณะเป็นของเหลวอยู่ภายในแก้ม จึงทำการดูดของเหลวออกมามีลักษณะเป็นน้ำใสปนเลือด และพบว่ามีการอักเสบ และมาอาการหนาตัวของเนื้อเยื่อแก้มด้านนอกและกระพุ้งแก้มด้านใน ทีมสัตวแพทย์จึงได้ทำการฉีดยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งให้ยาลดการอักเสบและลดอาการปวด รวมทั้งให้วิตามิน และสารน้ำทางเส้นเลือด และได้เก็บตัวอย่างเลือด ตัวอย่างของเหลวที่แก้ม เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์สุขภาพทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย และระหว่างนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามดูอาการของแม่พังสร้อยทอง อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด 52 วันที่ผ่านมา
สำหรับผลการตรวจแก้มและช่องปาก พบลักษณะการบวมและขยายขนาดของเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มที่อยู่ในช่องปาก ส่งผลให้ช่องปากมีพื้นที่ลดลงประกอบกับฟันด้านล่างซ้ายมีการโยกขยับตัวคล้ายกับการผลัดชุดฟันของช้างทำให้เคี้ยวอาหารได้ลำบาก แก้มด้านนอกเมื่อสัมผัสดูมีลักษณะเป็นเนื้อนิ่ม เกิดจากการอักเสบและหนาตัวของเนื้อแก้ม จากการอัลตราซาวนด์ พบว่าด้านในเป็นของเหลว จึงทำการเจาะดูดพบมีของเหลวสีใสปนเลือด ไม่พบสิ่งแปลกปลอมภายในช่อปาก เหงือก หรือแก้มด้านนอก
ส่วนผลการตรวจเลือด พบค่าตับไตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนค่าเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ สามารถพบเจอตอนที่ติดเชื้อรุนแรง หรือติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งพังสร้อยทองยังไม่แสดงอาการที่บ่งชี้ไปในทางนั้น หรืออาจเกิดจากการอักเสบเรื้อรังร่วมกับการขาดสารอาหาร ทำให้กลไกของร่างกายพังสร้อยทองยังดำเนินไปเรื่อยๆ แต่ร่างกายสร้างทดแทนใหม่ไม่ทัน พบวาวะเลือดจาง ที่มาจากการอักเสบ และการขาดสารอาหารโดยตรง สรุปการที่ช้างกินอาหารได้ไม่ปกติ ทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและเลือดจาง รวมทั้งมีอาการอักเสบเรื้อรังของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดต่างๆต่ำลง จึงติดเชื้อในกระแสเลือด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น คณะสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง)จะเก็บตัวอย่างเนื้อเยื้อไปพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งขณะนี้เวลา 14.00 น. นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นายปฐม แหนกลาง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้นิมนต์พระสงฆ์จากหลายวัดมาทำพิธีทางศาสนา โดยมีเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เดินทางมาร่วมพิสูจน์เพื่อนำข้อมูลไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะใช้รถแบคโฮ ขุดหลุมเพื่อฝังซากโรยด้วยปูนขาวเพื่อป้องกันเชื้อ สำหรับจุดที่พบซากพังสร้อยทองอยู่ภายในเขตองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สวนป่าไม้ห้วยเขย่ง บ้านไร่ป้า หมู่ 5 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ส่วนลูกของพังสร้อยทองที่หายตัวไป จะติดตามหาอีกครั้งหนึ่งในภายหลัง