เปิดโรงเรียนกล้าไม้ พัฒนาอาชีพการเพาะชำกล้าไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว
25 มิ.ย. 2567, 14:06
วันที่ 25 มิย.67 ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ชุมพร หมู่ 7 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร นายอนิรุท พลราม นายก อบต.สลุย เป็นประธานเปิดโครงการศูนย์พัฒนาอาชีพการเพาะชำกล้าไม้ (โรงเรียนกล้าไม้) โดยมีประชาชนที่สนใจและตัวแทนนักเรียน เข้าร่วมรับการฝึกอบรม โดยมีว่าที่ร้อยโท ประศาสน์ ทองป้อง หัวหน้าศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคใต้นายธนวัฒน์ ยกศรี ผู้แทนศูนย์ปฎิบัติการไฟป่าชุมพร นายเจริญ อาจประดิษฐ์ ผู้ช่วย สส.สันต์ แซ่ตั้ง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆเข้าร่วมกิจกิจกรรม
นางสาวพัชรี บุญย่อย นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าศูนย์เพาะชำกล้าไม้ชุมพร กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เกิดปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง เกิดปัญหาภัยแล้ง อย่างที่จังหวัดชุมพรเคยประสบมา กรมป่าไม้ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย จึงมีนโยบายด้านการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันปลูกบำและปลูกต้นไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเอง อีกทั้งกรมป่าไม้ยังมีนโยบายในการแจกกล้าไม้ฟรีอีกด้วย ดังนั้นงานด้านการเพาะชำกล้าไม้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการได้มาซึ่งกล้าไม้ที่ดีมีคุณภาพ สำหรับนำไปปลูกต่อไป โครงการศูนย์พัฒนาอาชีพการเพาะชำกล้าไม้(โรงเรียนกล้าไม้) จึงจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเพิ่มทักษะความรู้ด้านการเพาะกล้าไม้ โรคและศัตรูพืชของต้นไม้ ตลอดจนแนวคิดการปลูกไม้เศรษฐกิจในที่ดินของตนเอง
นายอนิรุท พลราม นายก อบต.สลุย กล่าวว่า การฝึกอบรมโครงการศูนย์พัฒนาอาชีพการพาะชำกล้าไม้ (โรงเรียนกล้าไม้) เป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้เข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ด้านป่าไม้ในปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่องของทรัพยากรป่าไม้ เนื่องจากการขยายตัวในภาคการเกษตร อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีการบุกรุกทำลายป่าเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดิน สำหรับทรัพยากรป่าไม้เป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งที่เมื่อถูกทำลายแล้วสามารถปลูกฟื้นฟูให้กลับสภาพที่สมบูรณ์ดังดิมได้ ดังนั้นการเพาะชำกล้าไม้ที่มีคุณภาพเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนได้นำไปปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การสร้างครือข่ายบุคลากรที่จะเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านการเพาะขำกล้าไม้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากผ่านการการฝึกอบรมในครั้งนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับความรู้และนำความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ดีๆ ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนต่อประเทศชาติต่อไป