รวบตัว ! "ม้ากดเงิน" แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหลอกผู้เสียหายกว่า 20 ราย สูญเงินกว่า 2 ล้านบาท
29 มิ.ย. 2567, 08:13
กองบังคับการปราบปราม โดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายอนุชา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 คดีหมายเลขดำที่ อ97/2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันลักทรัพย์, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์" จับกุมได้ที่บริเวณแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้าง ตำบลพัฒนานิคม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2563 ผู้ต้องหาเป็นสมาชิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทย โดยทำหน้าที่เป็น “ม้าถอนเงิน” มีหน้าที่ถอนเงินที่แก๊งหลอกลวงได้มาให้กับแก๊ง โดยวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จะใช้วิธีการสุ่มหาหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหายผ่านทางโซเชียลมีเดีย จากนั้นจะติดต่อเข้าไปหาผู้เสียหาย แล้วแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้กับประชาชนที่สนใจ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จะให้ผู้เสียหายทำการแอดไอดีไลน์ ซึ่งเป็นไลน์ที่คนร้ายปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร จากนั้นจะทำการขอข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อผู้เสียหายมอบข้อมูลดังกล่าวให้กลุ่มคนร้ายแล้ว คนร้ายจะทำการเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชันธนาคารและทำการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายไปจนหมด
.jpg)
มีผู้เสียหายคนไทย ประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท ทางผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงได้เข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย รวมทั้งนายอนุชา ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวนี้ จากนั้นนำตัวส่งศาลจังหวัดนครปฐมเพื่อดำเนินคดีไปแล้ว ต่อมา นายอนุชา ได้ประกันตัวออกมาในชั้นพิจารณาของศาลและได้หลบหนีไป ศาลจังหวัดนครปฐม จึงได้ออกหมายจับนายอนุชา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัว จนกระทั่งสามารถสืบทราบว่า นายอนุชา ได้หลบหนีมาเป็นคนงานก่อสร้าง ที่แคมป์ก่อสร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจับกุมตัว นายอนุชาได้ จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนทำหน้าที่รับถอนเงินที่หลอกมาได้จากผู้เสียหายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค่าตอบแทนที่ได้เป็นรายครั้ง ครั้งละ 500 – 1,000 บาท บางครั้งได้ค่าตอบแทนเป็นเงินสด จำนวน 10,000 บาท จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
