เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายสุนัย ชั่งสัจจา กำนันตำบลตากแดด อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร พร้อมชาวบ้าน กว่า 40 คน นำป้ายไวนิล ที่เขียนระบุ ข้อความว่า “รัฐมนตรีคมนาคมช่วยด้วย ทช.ทำน้ำท่วมบ้าน” “ทางหลวงชนบท ทำถนนแล้วทำให้ ชาวบ้านเข้าออกไม่ได้” “ทางหลวงชนบท ตรงนี้น้ำไม่เคยท่วม ยกถนนสูงทำไม “ท่านศักดิ์สยาม มาดูถนนสาย จ.ผังเมืองรวมชุมพรด้วย ชาวบ้านเดือนร้อน และทางหลวงชนบท ทำถนนแล้ว ทำให้น้ำท่วม” ออกมายืนประท้วงบริเวณพื้นที่ก่อสร้างถนนสายแยกโค้กเชื่อมต่อถนนสายเอเซีย41 เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว

 

โดยนายสุนัย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีที่ดินและบ้านเรือนอาศัยอยู่บริเวณติดกับทางคู่ขนานลอดใต้สะพานข้ามทางรถไฟปลายทาง และที่ดินบริเวณใกล้เคียงว่ามีการก่อสร้างทางคู่ขนานที่มีการก่อกำแพงระดับสูงเทียบเท่าตึก 2 ชั้น ซึ่งมีความสูงเกินไป ทำให้ประชาชนไม่สามารใช้เส้นทางเป็นทางเข้าออกบ้านพักอาศัยและเข้าออกที่ดินได้ อีกทั้งการก่อสร้างดังกล่าวทำให้การระบายน้ำ ซึ่งในอดีตเคยเป็นทางระบายน้ำตามธรรมชาติสมัยโบราณในอดีตเรียกว่า ทางลา และในฤดูฝนทางลาจะถูกใช้เป็นทางระบายน้ำตามธรรมชาติลงสู่ทางระบายน้ำริมทางรถไฟ ถูกถนนกลบทับทางโครงการก่อสร้างมิได้จัดการก่อสร้างให้สามารถระบายน้ำได้ดังเดิม เนื่องจากท่อระบายน้ำใหม่อยู่สูงกว่าทางระบายน้ำเดิมเนื่องมาจากการยกกระดับถนน ซึ่งหากยังคงดำเนินการก่อสร้างในลักษณะนี้ต่อไปจะต้องเกิดปัญหาน้ำท่วมขังอย่างแน่นอน

 

นายสุนัย กล่าวว่า ที่สำคัญบ้านเรือนที่ได้รับความเดือนร้อน 1 ในนั้นเป็นบ้านในโครงการบ้านท้องถิ่นไทย เทิดไท้องค์ราชันย์ 80 พรรษา เป็นบ้านของนางแวว โมรานอก อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง รัฐบาลจึงได้มอบบ้านและที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยให้ผู้ด้อยโอกาสเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครอบ 80 พรรษา ขณะนี้ ได้รับความเดือนร้อนจาการก่อสร้างทางคู่ขนานลอดใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ทำให้ในช่วงที่ฝนตก น้ำท่วมเข้ามาในบ้านเพราะไม่มีทางน้ำให้น้ำไหลผ่าน ส่งผลให้น้ำไหลเข้าในบ้านท่วมสูงกว่า 1 เมตร และถูกปิดกั้นด้วยกำแพงคอนกรีตไม่มีทางเข้าออก

 

ในขณะเดียวกัน ส.ส.ชุมพล จุลใส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จ.ชุมพร ซึ่งทราบเรื่องได้ดังกล่าวได้ลงพื้นที่พร้อมเข้ามารับฟังปัญหาและความเดือดร้อนจากชาวบ้าน พร้อมเปิดเผยว่า ความเจริญและการพัฒนาย่อมเดินควบคู่กันไปของความเปลี่ยนแปลง แต่ความเจริญและการพัฒนา ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ซึ่งในกรณีดังกล่าวตนเองได้รับฟัง และได้เห็นถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน ว่าเดือดร้อนจริงจากการก่อสร้างถนนสายนี้ ทั้งนี้ตนเองได้สอบถามไปยังทางแขวงทางหลวงชนบท จ.ชุมพรแล้ว ทราบว่าเป็นโครงการจากกรมทางหลวงชนบท

 

ส.ส.ชุมพล จุลใส กล่าวว่า ดังนั้นในฐานะที่ตนเองเป็นตัวแทนประชาชน ก็รับปากว่าจะประสานไปยังกรมทางหลวงชนบท ให้ช่วยแก้แบบให้ถนนลดระดับต่ำลงมาอีก ให้ใกล้เคียงจากถนนเดิมที่ประชาชนเคยใช้มาก่อนหน้า และช่วยทำทางเชื่อมให้กับประชาชนได้เข้าออกได้ถึงไม่สะดวกมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีทางออกเลย อีกทั้งประชาชนบริเวณตรงนี้ นอกจากจะเดือดร้อนจากทางเข้าออก น้ำท่วมบ้านแล้ว ยังต้องมารับผลกระทบจากเสียงและฝุ่นละอองอีก แต่หากว่า ทางกรมทางหลวงชนบท แก้ไข้ให้ประชาชนตามที่ประชาชนต้องการคือเข้าออกได้และน้ำไม่ท่วม เรื่องฝุ่นละอองและเสียงรบกวนจากยวนยานพาหนะ ประชาชนตรงนี้ ยอมรับได้ โดยประชาชนใช้เหตุและผลมาคุยกับตนเอง ซึ่งถือว่าไม่คัดค้านความเจริญ ไม่ต่อต้านการพัฒนา แต่ก็ขอไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีประชาชนที่เคยอยู่กันอย่างสงบสุข ต้องมาเดือดร้อนกับโครงการพัฒนาเลย