นายกฯ กำชับ ปปง.เร่งยึดทรัพย์ตัดตอนเครือข่ายแก๊งค้ายาเสพติด
18 ก.ค. 2567, 14:50
วันนี้ (18 ก.ค.67) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 1201 ชั้น 12 สำนักงาน ปปง. เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับฟังการดำเนินงานด้านยาเสพติดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ปปง. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ป.ป.ง. นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ตลอดจนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้รับฟังรายงานสรุปการดำเนินงานด้านยาเสพติดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จากเลขาธิการ ปปง. โอกาสนี้ นายกฯ ย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็น Demand Side และ Supply Side การฟื้นฟู แก้ไขเยียวยา ซึ่งการที่นายกฯ และรองเลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาที่สำนักงาน ปปง. วันนี้ เป็นการมาโฟกัสเรื่องของผู้กระทำผิด และการแยกผู้ป่วยออกมาก่อน โดยเรื่องผู้กระทำผิดเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันทางฝ่ายจับกุมได้มีการจับได้จำนวนมาก เพิ่มขึ้น 4-5 เท่า แต่ราคายาบ้าก็ไม่ขึ้น แสดงให้เห็นว่ามีการเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ต้นทุนการผลิตเขานำเงินมาจากไหน หากมีการจับได้ต้องมีการยึดทรัพย์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หน้าที่ของการยึดทรัพย์ไม่ใช่ว่าบางคดียึด บางคดีไม่ยึด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด บางรายการไม่รู้ว่าได้มาอย่างไร เป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งภาระการพิสูจน์ทรัพย์เป็นหน้าที่ของผู้ถูกยึด ว่าได้ทรัพย์มาได้อย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงาน ปปง. ทั้งนี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ และโปร่งใส เพื่อไม่ให้มีการกล่าวโทษว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้กระทำผิด ปัจจุบันมีเคสเล็ก ๆ เข้ามาจำนวนมาก ตรงนี้ต้องระมัดระวัง ให้ดูเคสเล็ก ๆ ด้วย โดยดูตามระดับความสำคัญ ซึ่งหากเป็นเคสใหญ่ มีเรื่องวงเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งเรื่องการอายัดทรัพย์ ปัจจุบันเรื่องธุรกรรมการเงิน มีการโยกย้ายถ่ายเทได้สะดวกสบายผ่านหลายวิธีการ เพราะฉะนั้นอย่ามัวช้า เรามีกฎหมายและมีอำนาจอยู่แล้ว น่าจะยึดมาก่อนเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญ
นายกฯ กล่าวถึงการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานว่า เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเรื่องของการเลือกปฏิบัติอย่าให้เกิดขึ้น หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจพิเศษมาก ซึ่งเรื่องของการที่จะมีการยึดทรัพย์ เพราะต้องการตัดต้นตอของยาเสพติดทั้งหมดออกไป โดยเรื่องนี้ต้องให้มีความคืบหน้าให้มากยิ่งขึ้นและอยากให้ทำโดยเร็วอย่าให้เป็นที่ครหานินทาได้ โดยจะมาเข้มงวดเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้นายกฯ ได้กล่าวถึงการได้มีการพูดคุยกับฝ่ายปราบปรามยาเสพติด ในเรื่องของการจัดเตรียมยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความพร้อม ทั้งในฝ่ายของทหาร ตำรวจ และสำนักงาน ป.ป.ส.
นอกจากนี้ นายกฯ ได้เน้นย้ำถึงการทำงานเชิงรุกก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของการ Training การอบรมให้องค์ความรู้กับพนักงาน ซึ่งการทำงานเชิงรุกไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการประชาสัมพันธ์ แต่เป็นเรื่องที่ต้องล้วงลูก และลงไปทำงานจริง ๆ รวมถึงยึดทรัพย์ให้ได้โดยเร็วไม่เช่นนั้นทรัพย์จะถูกแปลงไปได้โดยง่ายดาย ซึ่งนายกฯ ย้ำว่าสำนักงาน ปปง. มีเจ้าหน้าที่และองคาพยพพร้อมอยู่แล้ว การเดินทางมาวันนี้เพื่อมาส่งข้อความ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และสังคมก็จับตาดูอยู่ ทั้งนี้เรื่องปัญหายาเสพติดเกี่ยวข้องหมด ซึ่งนายกฯ ได้ประกาศไปแล้วว่าจังหวัดร้อยเอ็ดจะต้องเป็นจังหวัดสีขาว ซึ่งส่วนหนึ่งคือการปราบปราม การบำบัดดูแล ฟื้นฟู แต่หากเขายังมีกระแสเงินไปหล่อเลี้ยงได้เรื่องนี้ก็ไม่จบ เพราะฉะนั้นการมาวันนี้เป็นการต่อจิ๊กซอว์ให้ครบทุก ๆ ภาคส่วนอย่างแท้จริง และถือเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลนี้ได้ประกาศไปแล้วจังหวัดร้อยเอ็ดต้องเป็นจังหวัดสีขาวให้ได้ภายในสิ้นไตรมาส 3 นี้ เพราะเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องกัดกร่อนสังคมไทยมายาวนานมากและเป็นสารตั้งต้นหลายอย่าง โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เราทำควบคู่กันไปก็เป็นเรื่องสำคัญ ในเรื่องการตัดต้นต่อการผลิตด้วยการตัดต้นตอแหล่งเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ
พร้อมทั้งนายกฯ ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ส. และ สำนักงาน ปปง. บูรณาการความร่วมมือในการสืบสวน ปราบปราม ขยายผลเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ด้วยมาตรการทางทรัพย์สิน เพื่อทำลายโครงสร้างเครือข่ายการค้าและการเงินของกลุ่มนักค้ายาเสพติด รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ในการบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายยาเสพติด พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรการทางภาษี เป็นต้น เพื่อดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินของกลุ่มนักค้ายาเสพติด ตัดวงจรทางการเงินของกลุ่มนักค้ายาเสพติดในทุก ๆ รูปแบบ อีกทั้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือและเสริมสร้างแนวร่วมในการตรวจหาทรัพย์สินในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ดำเนินการเชื่อมโยงระบบข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการปราบปราม และทำลายโครงสร้างการค้ายาเสพติด รวมไปถึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. กระทรวงดีอี DSI และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาเว็บพนันออนไลน์ ด้วยการทำงานเชิงรุก เพื่อจับกุมผู้กระทำผิด ปิดเว็บไซต์ และขยายผลสู่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนใช้มาตรการทางกฎหมาย และมาตรการทางทรัพย์สินอย่างเข้มงวดเพื่อตัดวงจรการกระทำผิดและวงจรทางการเงินของเจ้าของเว็บพนัน นอกจากนี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงาน ปปง. กสทช. ธปท. สมาคมธนาคารไทย DSI และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาแก๊ง Call Center ข้ามชาติ โดยเฉพาะการตัดตอนการโอนเงิน การแก้ไขปัญหาบัญชีม้า การสืบสาวไปจนถึงผู้ก่อเหตุและยึดทรัพย์สินเพื่อนำมาเยียวยาผู้เสียหาย ตลอดจนพิจารณาจัดหาแนวทางการป้องกันการทำธุรกรรมทางการเงินกับแก๊ง Call Center ที่รัดกุม เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนถูกหลอกลวงและสูญเสียเงินได้ง่ายอีกต่อไป
“ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ยืนยันทุกคนเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ประเทศไทยแข็งแรงขึ้น ซึ่งการทำให้ปลอดยาเสพติดโดยการดำเนินการทั้งเรื่องการปราบปราม การเยียวยา ดูแลรักษาบำบัด การตัดตอนแหล่งเงินทุนที่เป็นสารตั้งต้น เพราะถ้าไม่มีเงินก็ทำไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เราเข้มมาก รวมถึงเรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ เพราะเรื่องของยาเสพติดไม่ใช่แค่ยาบ้าที่เพิ่มขึ้นแต่เฮโรอีนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยพบว่าตลาดปลายทางจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย โดยช่วงบ่ายจะพบกับทูตออสเตรเลีย และสัปดาห์หน้าจะพบกับทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากทางสำนักงาน ปปง. ต้องการประสานงานในเรื่องใดก็ขอให้บอกได้ วันนี้สำนักงาน ป.ป.ส. และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาด้วยก็ขอให้ทำงานร่วมกันให้มากขึ้น อย่าทำงานเป็นไซโล ให้ทำงานเชิงรุกมองปัญหาไปข้างหน้าแล้วแก้ไข เหนือสิ่งอื่นใดขอเป็นกำลังใจและดูแลตัวเองดี ๆ” นายกฯ กล่าว