เร่งขนย้ายกากขยะเคมี เพิ่มอีกกว่า 1,000 ตัน
24 ก.ค. 2567, 12:50
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรม ที่ถูกจัดเป็นวัตถุอันตราย ออกจากโรงงานแวกซ์กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จ.ราชบุรี ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัทเบทเตอร์ เวิล์ด กรีน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 210 วัน ที่ผ่านมา ภายใต้งบกลางที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล 59 ล้านบาท ขยะสารเคมีฝังไว้ จำนวน 12,000 ตัน กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ทำการตรวจสอบยังพบว่ายังขาดอยู่ประมาณ 1086 .31 ตัน ตามโครงการกำจัดกากอุตสาหกรรม บริษัทแวกซ์กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัดเป็นการขนย้ายเพิ่มเติม ที่พบแล้วว่ามีกากอุตสาหกรรมมากกว่าที่สำรวจ และกำหนดใน TOR แต่ได้เจรจาให้รับจ้างขนย้ายออกทั้งหมดโดยดำเนินการระหว่างวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2567 นี้เพื่อกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ถูกจัดเป็นวัตถุอันตรายขนย้ายเพื่อนำไปออกกำจัดนอกพื้นที่โรงงาน
ปัจจุบัน ชาวตำบลน้ำพุ มีการฟ้องแพ่งเรียกค่าเยียวยาต่อการเกษตรและสุขภาพ จากโรงงานแวกซ์ กาเบ็จฯ ซึ่งชาวบ้านชนะคดีมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ มาแล้วซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความหวังว่ารายได้ที่สูญเสียไปจากมลพิษดังกล่าวให้ทันเวลากับปัญหาที่เกิดขึ้น จะได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใดภาคเกษตรก็ไม่สามารถทำได้จนเป็นปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะนายธนู งามยิ่งยวด ประธานกลุ่มรักษ์ต้นน้ำ จ.ราชบุรี ต้องเดือดร้อนแม่นอนติดเตียงน้ำประปาไฟฟ้าถูกตัดมาแล้วประมาณ 3 เดือน ล่าสุดถูกศาลสั่งให้คืนรถ โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทเข้ามานำรถกลับไปเพราะไม่มีเงินชำระค่างวด
ทางด้านนายธนู งามยิ่งยวด กล่าวว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่เข้ามายึดรถเพราะไม่ได้ผ่อนเขามา 3 เดือนจะมีคำสั่งศาลให้ผ่อนปกติเคยผ่อนเดือนละ 20,000 กว่าบาทหลังจากไกล่เกลี่ยกันก็มีคำสั่งให้ผ่อน14,600 บาทจากนั้นมาก็ไม่มีรายได้เลยก็ไม่ได้ผ่อนครบ 3 เดือนพอดีเจ้าหน้าที่ของบริษัทเขาก็เข้ามาขอเอารถคืนก็ต้องยอมให้ไปที่ให้รอถึง 3 เดือนเรามีความหวังว่าคดีที่เราต่อสู้มาเงินจำนวนหนึ่งที่จะชดใช้ค่าเสียหายสรุปแล้วประมาณ 1 ล้านบาทปัจจุบันยังมีการดึงเกมกันอยู่จนเกิดความเสียหายขนาดนี้ปัจจุบันเดือดร้อนทุกเรื่องน้ำไฟก็ถูกตัดยกหม้อไปก็อยู่กันแบบนี้เมื่อไม่มีรถก็ไม่รู้จะเอาอะไรพาแม่ไปหาหมอก็คงจะต้องปล่อยและคือผลงานของรัฐบาลคำว่าเยียวยาปัจจุบันยังไม่มีอะไรเข้ามาเยียวยาสักอย่างหลังจากศาลสั่งก็ไม่มีการดำเนินการใดๆไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเลยสักคนในอดีตทำธุรกิจส่งออกก็มีรายได้พอจุนเจือครอบครัวไม่เดือดร้อนหลังที่มีปัญหาเรื่องน้ำเสียไม่สามารถทำการเกษตรได้ทำให้รายได้ต้องถดถอยลงไปใบรับรองพืชก็ไม่มีเพราะน้ำมีสารปนเปื้อนต่อสู้กันมาศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายแก้โจทย์โดยทางทนายฝ่ายจำเลยได้คัดค้านบางคนจึงทำให้มีปัญหาไปทั้งกลุ่มทั้งศาลก็ให้เลื่อนไปอีกจึงทำให้เกิดผลกระทบทุกวันนี้ไม่หวังอะไรจากหน่วยงานแล้วถ้าเขาช่วยได้คงช่วยมานานแล้วเคยไปอยู่ยะลามา 3 ปีผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยากให้ราชบุรีเป็นเช่นนั้นเพราะชาวบ้านไม่มีจะกินกันแล้ว