จากกรณีข่าวการเสียชีวิตสะเทือนขวัญ พบศพหญิงอายุ 58 ปี เสียชีวิตถูกฆ่ามัดมือเท้ายัดตู้เย็นโบกปูนทับ ที่ตึกแถวซอยตรงข้ามวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตำรวจคาดว่าเสียชีวิตมาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ พบพิรุธกล้องวงจรปิดทุกตัวย่านตึกแถวถูกคนร้ายถอดออกหมด และรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวซีรีส์ของผู้ตายได้หายไป ตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้ 

ความคืบหน้า (28 ต.ค.62) อีจัน เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พบเบาะแสสำคัญคาดว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน พบว่าหลังเกิดเหตุบัตร ATM ของผู้ตายถูกกดใช้ที่ตู้ในอำเภอฮอด จ.เชียงใหม่ 

ภาพบริเวณตึกที่เกิดเหตุ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

นอกจากนี้ รถของผู้ตายยังขับวนเวียนไปจ.เชียงราย วนเข้าจ.ลำปาง และกลับมาเชียงใหม่ ก่อนจะขับเข้าไปย่านหลังม.เชียงใหม่ และกดเงินอีกหลายครั้ง ครั้งละ 1-2 แสนบาท รวมทั้งหมด 1.2 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ารถผู้ตายยังขับวนเวียนอยู่ย่านมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ทางด้านตำรวจสภ.จอมทอง พบภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถของผู้ตาย ขับตระเวนในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีอยู่ภาพหนึ่งพบแขนของคนขับออกมาจากรถ ซึ่งเชื่อมโยงกับคนใกล้ชิด คาดว่าเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งจะเชิญมาสอบปากคำเพิ่มเติม นอกจากนี้ ตร. ยังพุงเป้าไปที่ปมฆ่าชิงทรัพย์ และความขัดแย้งส่วนตัว

 

ทาง บิ๊กเกรียน เผยความคืบหน้าระบุว่า ตึกอาคารที่เกิดเหตุผู้เข้า-ออก ต้องใช้ระบบสแกนนิ้วเพื่อเปิดประตู ทางผู้ตายมักให้ญาติและคนสนิทที่มาปฏิบัติธรรมใช้ที่พักอาศัย โดยเฉพาะช่วงที่มีคนเข้าวัดจำนวนมาก ทางตำรวจ จึงตั้งเป้าเป็นคนใกล้ชิดผู้ตาย และมีเบาะแสตำรวจกำลังติดตามหลานผู้ตายคนหนึ่ง ไม่ระบุเพศ ซึ่งหายไปพร้อมกับรถหรูคันดังกล่าว 

ภาพจาก บิ๊กเกรียน

 

อย่างไรก็ตาม เดลินิวส์ ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ตายก่อนหน้านี้ได้บริจาคเงิน 10 ล้านบาทเพื่อสร้างตึกอาพาธสงฆ์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ และเพิ่งซื้อรถโฟลค์สวาเก้นป้ายแดง เพื่อถวายให้กับเจ้าอาวาสอีกหลายวัดเพื่อเป็นยานพาหนะใช้ทำธุระกิจของสงฆ์ โดยเงินในบัญชีของผู้ตายกว่า 50 ล้านบาท ได้ถูกกดออกไปจากตู้เอทีเอ็มทุกวัน หลังจากผู้ตายเสียชีวิตไปเมื่อ 10 วันก่อน จึงคาดว่าคนร้ายได้บุกมาทำร้าย บังคับให้บอกรหัสเอทีเอ็ม ก่อนจะฆ่าโหด