อุบลศักดิ์ ปลุกเกษตรกรกาญจน์ ปลดแอกเลิกเป็นเครื่องมือนักการเมืองนักลุงทุน
25 ก.ค. 2567, 16:48
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่บริเวณลานรับซื้อข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกรทำนาตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี จัดประชุมรายงานประจำปี 2567 โดยมีชาวนาที่เป็นสมาชิกกลุ่มมาลงทะเบียนเพื่อร่วมการประชุมครั้งนี้ และมีกิจกรรมของเอกชนที่มาแนะนำสินค้าทางการเกษตรทำนาข้าว อาทิสูตรปุ๋ย เครื่องจักร รถไถเอนกประสงค์ และร่วมการประชุมกัน นำโดย นายสมปอง คำเที่ยง อดีตนายกเทศมนตรีตำบลพระแท่นลำพระยา ในฐานะประธานกลุ่มเกษตรกรทำนา ประธานกล่าวเปิดการประชุมพร้อมคณะกรรมการ ร่วมชี้แจงรายละเอียดตามวาระการประชุมฯ
จากนั้น นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดลพบุรี เขต 3 ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฏร รองประธานคณะกรรมธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สภาผู้แทนราษฏร มาบรรยายให้ความรู้และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำนาข้าวและแนวทางในการช่วยเหลือพัฒนาข้าว รวมทั้งกลไกการค้า ได้รับความสนใจจากสมาชิกกลุ่มเกษตรกรตำบลพระแท่น
นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม กล่าวว่า ผมในนามคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย โครงการเรื่องปุ๋ยคนละครึ่งนั้นตามที่รัฐบาลมี เราชี้ให้เห็นได้ว่ากลุ่มเกษตรกรแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน แบ่งเป็น เกษตรกรที่ยากจนเช่านาทำต้องกู้หนี้ยืมสิน ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ถึง 20 ผมไม่สามารถจะเข้าร่วมโครงการได้ ส่วนเกษตรกรอีกกลุ่มคือลูกค้า สกต.หรือ ธกส. พวกนี้จะต้องกู้เงิน ธกส.ดอกเบี้ยร้อยละ 6.99 กู้เงินด้วยและเสียดอกเบี้ยด้วย ส่วนลูกค้าของสหกรณ์การเกษตร ไม่มีตังก็จะต้องกู้กับสหกรณ์ สหกรณ์ก็ต้องมากู้กับ ธกส. ธกส.ก็ต้องคิด 6.99 และสหกรณ์ก็ต้องไปเอาเงินดอกเบี้ยเพิ่มกับสมาชิกสหกรณ์ 3 ต่อ เพราะนั้นตรงนี้ก็มีกลุ่มเกษตรกรเท่านั้นที่เงินกองทุกหมุนเวียนเป็นพันล้าน ตอนนี้เราได้จัดสรรให้กลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ โดยกติกาของกลุ่มนำโดย ผู้อำนวยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรมาดูแล โดยกลุ่มที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 60 เปอร์เซ็นต์จะให้แต่ละกลุ่มเท่ากัน ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์เป็นหน้าที่ของสมาชิกเฉลี่ยกันไปเพื่อความเป็นธรรม
การปกครองไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ก็เปรียบง่ายๆ ว่าเอาเงินของชาวนาไปลงทุนต่อรัฐบาล รัฐบาลเอาไปลงทุนให้นักธุรกิจค้าปุ๋ย มันต่างกับรัฐบาลชุดที่แล้ว แน่นอนวันนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศสากลห้ามนำงบประมาณรัฐไปแจกจ่ายให้กับราษฎร ให้เปล่าให้ฟรีไม่ได้ แล้วคณะรัฐบาลชุดนี้ก่อนสิ้นปีที่แล้วได้มีมติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามสมัยรัฐบาลชุดที่แล้วเขาทำได้เพราะมีภัยพิบัติโรคระบาด ซึ่งก็คือโควิดอ้างเหตุผลได้แบบนี้มันปกติ แต่อันนี้ต้องให้เกษตรกรแยกออกว่าเป็นนโยบายโครงการเสริม แต่ส่วนหนึ่งพันล้าน รัฐบาลจะให้หรือไม่ให้อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเกิดช่วงหน้าฝนเกิดภัยน้ำท่วม ก็อาจจะเข้าโครงการได้ถือเป็นภัยพิบัติ มันสามารถที่จะเอาได้มากกว่านี้ อันนี้ความเห็นในฐานะที่ผมเป็นคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย สรุปภาพรวมกลุ่มเกษตรกรเป็นตัวแทนของกลุ่มเกษตรกร 77 จังหวัด 800 อำเภอและทั้งหมด 7,384 กลุ่ม เรายินดีพร้อมที่จะร่วมมือ แต่ถ้ารัฐบาลต้องเอาเงินไปวางนักลงทุนก่อน และเมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวได้แล้วผมจะรวบรวมให้ และกลุ่มจะการันตีให้เพราะกลุ่มมีเงินกองทุนมากพอสมควรอยู่แล้วเป็นพันล้าน
ณ วันนี้โครงการนี้เราก็เห็นภาพว่า เมื่อเปรียบเทียบรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีการร้องเรียนขัดแย้งกันมากมาย เพราะที่ผ่านมาให้ครอบครัวละไม่เกิน 2 หมื่นบาท ไร่ละ 1 พันบาทไม่เกิน 20 ไร่ แต่ว่าถ้าเกษตรกรมีความจำเป็นใช้ตั้งแต่ผลิตแปรรูป นั่นคือสามารถจะใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ แต่ครั้งนี้รัฐบาลต้องเอาเงินของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการ เอาเงินไปจ่ายก่อน ส่วนใหญ่ก็มีดอกเบี้ย ยกเว้นกลุ่มเกษตรกร ถามว่ากลุ่มเกษตรกรมีความพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลมั้ย ก็คือพร้อม กลุ่มไหนพร้อมก็ทำ เพราะมันมีการซื้อปุ๋ยมาล่วงหน้าแล้ว ฝนตกเมื่อไหร่เกษตรกรก็ต้องไปหว่าน 3 รอบคือก่อนไถ ข้าวขึ้น เมล็ดข้าวออกรวม 3 ครั้ง ในขณะเดียวกันวันนี้เปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้วเอา 2 หมื่น
สรุปง่ายๆ ว่าเอามาแล้วให้เลย แต่ที่นี้รัฐบาลต้องเอาเงินของเกษตรกรให้นักธุรกิจค้าปุ๋ย และภายใน 15 วันถึงจะเอาปุ๋ยมาให้ ปุ๋ยมาตรฐานยังไงไม่มีใครรู้เพราะบางคนใช้ตามที่เคยใช้ เพราะประสิทธิภาพดินประเทศไทยไม่เหมือนกัน ดังนั้นอันนี้ผมก็เสนอทางออกให้รัฐบาล ถ้ารัฐบาลจะยกเลิกรัฐบาลก็จะติดลบ ถ้ารัฐบาลเดินต่อก็ติดลบแน่นอน หรือรัฐบาลจะชะลอเพื่อหาทางออก โดยที่รัฐบาลต้องเอาเงิน 2.9 พันล้าน เอามาการันตีกับบริษัทปุ๋ยก่อน และเมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว เราจะรวบรวมเอาไปคืนให้ อันนี้คือทางออกของกลุ่มเกษตรกร เรายินดีพร้อมจะร่วมมือ./