อาจารย์วิศวะฯ ม.มหิดลกาญจน์ ถอดบทเรียนเหตุน้ำท่วม กรกฎาคม 2567 เพราะ La Niña
30 ก.ค. 2567, 20:07
วันนี้ 30 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า รศ.ดร.เอริกา พฤฒิกิตติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี เสนอแนะแนวทางจากสถานการณ์น้ำป่าไหลบ่าและระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อย เพิ่มระดับขึ้นกว่า 3-4 เมตร จนส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่งใน อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของธุรกิจท่องเที่ยวจำนวนมาก
สาเหตุเนื่องจากในช่วงตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นมา มีฝนตกต่อเนื่องในตอนบนของลุ่มน้ำแม่กลอง สำนักชลประทานที่ 13 จึงมีแผนปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลอง ซึ่งจะส่งผลระดับน้ำในแม่น้ำแม่กลองสูงขึ้นประมาณ 1-2 เมตร เหตุการณ์ฝนตกหนัก พายุ น้ำท่วมยังส่งผลกระทบในจังหวัดอื่น ๆ ของประเทศไทย แม้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยาจะคาดการณ์ว่าปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยจะมีฝนตกมากขึ้นเนื่องจากปรากฎการณ์ La Niña แต่ก็ไม่ได้คาดว่าฝนจะตกมากตั้งแต่ต้นฤดูฝน เนื่องจากสัญญาณ La Niña ที่มหาสมุทรแปซิฟิกยังไม่พัฒนาขึ้นในเดือนกรกฎาคม
จากการพิจารณาสัญญาณ La Niña กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าระดับฝนในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมน่าจะยังอยู่ในระดับปกติ (กรมอุตุนิยมวิทยา, 19 กรกฎาคม 2567) จากแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงใน Windy.com แสดงให้เห็นการเคลื่อนที่ของเมฆมวลใหญ่จากมหาสมุทรอินเดียพาดผ่านประเทศไทยไปยังเอเชียตะวันออก และลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงการไหลเวียนมวลอากาศเช่นนี้เป็นเหตุการณ์ปกติในช่วงฤดูฝนทางตอนบนของประเทศไทย แต่ปัจจัยที่ทำให้ฝนตกมากกว่าที่คาดไว้คืออะไร (ภาพที่ 1 ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงใน Windy.com, เข้าถึงในวัน 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 11.44 น.)ปัจจัยแรกอยู่ที่มหาสมุทรอินเดีย จากแผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 พบว่า อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลบริเวณฝั่งประเทศไทยและอินโดนีเซียมีแนวโน้มสูงกว่าปกติเทียบกับอุณหภูมิฝั่งทวีปแอฟริกา หรือที่เรียกว่า Negative-phase Indian Ocean Dipole (IOD) โดยปรากฎการณ์ดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2567 นี้เอง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ฝั่งทวีปแอฟริกามีอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลสูงกว่า (ภาพถ่ายดาวเทียม : ภาพที่ 1 แสดงหลักฐานที่สอดคล้องกันคือการเกิดเมฆฝนหนาแน่นในบริเวณประเทศไทย) ปัจจัยที่สองอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนบนจากแผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนบน ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 (ภาพที่ 2) พบว่า อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนบนฝั่งตะวันตก (ฝั่งญี่ปุ่น) สูงกว่าปกติมาก หรือเรียกว่า Negative-phase Pacific Decadal Oscillation (PDO) ส่งผลให้ทั้งอุณหภูมิอากาศ ปริมาณฝน และจำนวนพายุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกมีแนวโน้มสูงกว่าปกติ พัฒนาเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในบริเวณนี้ ปรากฎการณ์เช่นนี้เหมือนปั๊มดูดอากาศ เร่งอัตราการไหลเวียนมวลอากาศจากมหาสมุทรอินเดียให้ไหลไปยังบริเวณที่ความกดอากาศต่ำกว่า ทำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พาดผ่านประเทศไทยมีกำลังแรงมากขึ้น
(ภาพที่ 2 การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลจากค่าปกติ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : ที่มา: National Oceanic and Atmospheric Administration (https://www.ospo.noaa.gov/products/ocean/sst/anomaly/)
ในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป ปัจจัยLa Niña ที่มหาสมุทรแปซิฟิก จะเริ่มเข้ามามีบทบาทเสริมมากขึ้น จึงคาดการณ์ได้เลยว่า ปี พ.ศ. 2567 เป็นปีที่ประเทศไทยต้องระวังเรื่องภัยจากน้ำหลากและพายุหมุนรุนแรง
บทเรียนจากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ระบบคาดการณ์ลมฟ้าอากาศมีความจำเป็นมากต่อการรับมือผลกระทบจากสาธารณภัย ลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง ความรุนแรงการของสาธารณภัยก็มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ดี มีหลากหลายปัจจัยที่เราต้องนำมาพิจารณาเพื่อการคาดการณ์มีความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการตรวจวัดที่ต้องมีการลงทุน ตรวจสอบคุณภาพ และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจากระบบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และประชาชนคอยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ข้อมูลเพิ่มเติม กรมอุตุนิยมวิทยา, 19 กรกฎาคม 2567, ปรากฎการณ์เอนโซ เดือนกรกฎาคม 2567, https://www.tmd.go.th/climate/content/ปรากฎการณเอนโซเดอนกรกฎาคม-2569, (28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567)