ต่อมาวันที่ 29 ก.ค. ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ชุดสืบสวนนครบาล 8 เฝ้าสังเกตพฤติการณ์ โดยจัดวางกำลังไว้โดยรอบบ้านหลังดังกล่าว พบนายวัชระ ได้เปิดประตูหน้าบ้านจากนั้นนายวัชระ ได้เดินไปที่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ คล้ายจะขับรถยนต์คันดังกล่าวออกจากบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอทำการตรวจค้น พบ 1.ยาบ้า จำนวน 1,700,000 เม็ด 2.ยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว

จากการซักถามขยายผลผู้ต้องหา รับสารภาพว่ายาเสพติดของกลางดังกล่าวมีนายโต๊ด ไม่ทราบชื่อและนามสกุล อายุประมาณ 30 ปี เป็นผู้ว่าจ้างและสั่งการให้ผู้ต้องหาไปรับยาเสพติดมาจากบริเวณริม ถ.บางนา-ตราด ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และให้นำมา เก็บไว้ที่ภายในบ้าน ซอยประชาอุทิศ 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เพื่อรอคำสั่งจากนายโต๊ด ให้กระจายส่งมอบให้กับลูกค้าต่อไป จะได้เพียงค่าจ้างเป็นรอบๆเท่านั้น ประมาณ 30,000 – 60,000 บาท สาเหตุที่ก่อเหตุนั้นหลังจากพ้นจากเกณฑ์ทหารมา วิ่งรถเป็นไรเดอร์เงินไม่พอใช้ประกอบกับเมียท้อง จึงตัดสินใจผันตัวส่งยาเสพติดรอบนี้ครั้งที่ 7 มีประวัติคดีครอบครองยาเสพติดและทำร้ายร่างกาย

ส่วนนโยบายการดูแลยาเสพติด พล.ต.ท.สําราญ กล่าวว่าทางรัฐบาลได้เน้นให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว โดยได้มีการสั่งการกำชับการปฏิบัติในการเร่งรัดจับกุมและสกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดน นอกจากนี้ในพื้นที่นครบาลได้มีการจับกุมผู้ค้ารายย่อยที่กระจายตัวอยู่รวมพื้นที่กรุงเทพมหานคร และได้มีการประสานงานช่วยเหลือผู้เสพยาเสพติดเพื่อเข้าบำบัดรักษาให้กลับมาอยู่กับเราในสังคม พร้อมทั้งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติคำนึงถึงความปลอดภัย นโยบายดำเนินจัดหาอุปกรณ์เพื่อป้องกันการเผชิญเหตุให้ได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “จำหน่าย โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ราษฎร์บูรณะ ดำเนินคดีตามกฎหมาย