เจ้าหนี้โหดบุกทวงหนี้ลูกสาว เจอพ่อป่วยโรคไตอยู่บ้าน มีปากเสียงก่อนลงมือทำร้ายบาดเจ็บ
11 ส.ค. 2567, 11:33
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เกิดเหตุเจ้าหนี้โหดบุกโวยวายบ้านลูกหนี้ เป็นชาย 2 คนขับรถกระบะเข้ามายังบ้านลูกหนี้ นางสุพัตรา อายุ 33 ปี แม่ค้าขายของตลาดแห่งหนึ่งในเมืองกาญจน์เป็นคนที่กู้เงิน จากการที่ไม่โอนเงินตามยอด เหตุจากเจ้าหนี้โทรตามลูกหนี้แล้วแต่ไม่รับสาย ทำให้ต้องมาทวงเงินสดที่บ้านตามที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว
เมื่อเจ้าหนี้จึงบุกเข้ามาในบ้านและข่มขู่เรียกเงินคนที่บ้าน ซึ่งขณะที่เจ้าหนี้บุกบ้านทวงหนี้ ตัวนางสุพัตราคนกู้เงินไม่อยู่บ้าน ในบ้านมี นายนิมิตร อายุ 56 ปี ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต 3 วันต่ออาทิตย์ซึ่งเป็นพ่อของนางสุพัตราอยู่บ้าน โดยคนในบ้านไม่รู้เรื่องเรื่องเงินกู้ของนางสุพัตรา เมื่อเจ้าหนี้ทวงถามนายนิมิตรไม่รู้เรื่องด้วยจึงเกิดปากเสียงกัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกันจนบานปลายทำให้เจ้าหนี้ไม่พอใจจึงลงมือทำร้ายนายนิมิตรที่ร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยโรคไต จนได้รับบาดเจ็บขวาคิ้วแตกเย็บหลายเข็ม โหนกแก้มบวมและกระดูกหน้าร้าว
หลังลงมือทำร้ายเจ้าหนี้ ได้มีการข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ และยังพูดท้าทายให้ไปแจ้งความได้เลยไม่กลัวตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าหนี้ทั้ง 2 คนก็ขับรถออกไป ผ่านไปไม่นานก็ถอยรถกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยลงรถมาเพียง 1 คนเป็นคนละคนกับที่เข้าทำร้าย ได้เข้ามาพูดคุยกับคนที่บ้านว่าโทรไปหาลูกหนี้แล้วแต่ไม่รับสาย และยังกล่าวอีกว่าไม่อยากเข้ามาทวงที่บ้านเลย ถ้าโทรไปแล้วรับสายแต่แรกก็ไม่มีปัญหาอะไร
ต่อมาญาติได้พานายนิมิตรผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บเดินทางไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี แจ้งความกับ พ.ต.ท.ยอดชาย เสมแก้ว รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี หลังสอบปากคำเบื้องต้น จึงให้นายนิมิตรผู้บาดเจ็บไปตรวจอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เพื่อใช้ในการประกอบคดีต่อไป
นางสุพัตรา แม่ค้าขายของตลาดแห่งหนึ่งในเมืองกาญจน์เป็นคนที่กู้เงิน ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าเหตุ และยังมาทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง คือพ่อของตนที่อยู่ที่บ้านจนได้รับบาดเจ็บ พ่อเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ต้องได้รับการฟอกไต 3 วันต่ออาทิตย์ พ่อไม่มีทางสู้
เรื่องหนี้ตนเป็นคนกู้เงินเองก็ตกลงกับเจ้าหนี้ไว้แล้วว่า ตนทำอาชีพแม่ค้าขายของที่ตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญจนบุรี บางครั้งไม่มีเงินจะโอนมีแต่เงินสด สามารถมาเรียกเงินที่บ้านได้เลย แต่เพียงเพราะเจ้าหนี้ตนไม่รับสายตนขายของที่ตลาดจึงไม่ได้รับสาย ต่อมาทางเจ้าหนี้มาที่บ้านและทำร้ายร่างกายคนที่บ้าน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ตนกับเจ้าหนี้เคยมีปากเสียงกันแล้ว แต่ไม่ได้จบลงที่ทำร้ายร่างกาย แต่จบลงที่ลดยอดที่ต้องโอนต่อวันและขยายวันชำระหนี้ออกไป
นางสุพัตรา เล่าต่อว่า ตนได้เริ่มติดต่อกับเจ้าหนี้นี้ผ่านทางเพจเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมเพื่อกู้เงิน หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 2 วัน เจ้าหนี้เข้ามาที่บ้านเพื่อเอาเอกสารและตกลงยอดกู้ยืม ซึ่งตกลงอยู่ที่ 6000 บาท ชำระหนี้ทั้งหมด 23 วัน วันละ 300 บาท ซึ่งก็โอนตามยอดทุกวัน จนถึงวันนี้ 8 สิงหาคม ยังไม่ได้โอนตามยอด เพราะตนขายของที่ตลาดทำให้ไม่มีเงินจะโอน เจ้าหนี้เลยเข้ามาตามที่บ้าน มาหาพ่อมาทำร้ายร่างกาย และยังมีปากเสียงกัน มากัน 2 คนเป็นคนเดียวกันกับที่มาคุยตกลงการกู้ยืม ซึ่งเจ้าหนี้ได้มีการพูดท้าทายว่าให้ผู้เสียหายแจ้งความได้เลย ไม่กลัวจะกลับมาทวงอีก ทางเรายอมรับว่ากู้เงินแต่การทำร้ายร่างกายมันเป็นคนละส่วนกับที่เราต้องใช้หนี้ อันนี้มันเกินกว่าเหตุ ไม่สมควรและยังเข้ามาถึงในบ้านไม่ใช่นอกพื้นที่บ้าน บุกเข้ามาทำร้ายเจ้าของบ้านยันในตัวบ้านซึ่งไม่รู้เรื่องด้วย
นางสุพัตรา เล่าต่ออีกว่า ตนทำอาชีพขายขนมหวาน ขายตอนเช้าและไปขายตลาดนัดเป็นบางวัน คือวันอังคารวันศูกร์วันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งก่อนที่จะกู้เราแจ้งเจ้าหนี้แล้วว่า เราใช้เงินสดตลอดเวลาไม่ได้มีเงินอยู่ในบัญชี บางวันเราอาจโอนช้าถ้าวันไหนไปขายตลาดนัด อาจโอนช้าบ้างอาจเรทบ้าง เพราะปกติเขาจะให้โอนก่อน 10 โมงเช้า แต่บางทีเราไม่สะดวกที่จะมีเงินในบัญชีตลอดเวลา บางวันก็โอนไวบางวันก็โอนช้า แต่ก็โทรมาถามว่าโอนรึยังแต่เราก็บอกบางวันเรายังไม่โอนเราไปขายของอยู่ ถ้าสะดวกเข้ามาเก็บที่บ้านก็เข้ามา ถ้าไม่สะดวกก็รอสักพักเดี๋ยวโอนให้หลังจากขายของเสร็จ
นายนิมิตร ผู้เป็นพ่อที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บ ได้เล่าว่า ตอนนั้นผมก็นอนอยู่แล้วมีเจ้าหนี้มาโวยวาย ผ่านไปประมาณ 5 นาทีผมก็ออกจากบ้าน เปิดประตูก็เจอเขาพอดี เขาก็บอกเอาเงินมาผมก็บอกไม่รู้เงินอะไร เขาก็สั่งเอามาๆ ยังไงก็เอาเงินมา เขามาพูดไม่ดีผมก็ไม่สนใจ ผมก็เลยต่อยเขาไปที พอดีมันมีกรรไกรตัดเล็บอยู่ เขาก็หาว่าผมพกมีดมีข้อหาพยายามฆ่า เขาก็ต่อยกลับมา 2 หมัดที่คิ้วกับแก้ม ก็โครงกระดูกหน้าร้าว แล้วเขาก็ข่มขู่ว่าให้ไปแจ้งตำรวจเลย เดี๋ยวเจอกันอีกไม่ยอมเดี๋ยวมาทุกวัน ผมก็บอกข้อหาบุกรุก เขาก็เถียงว่าไม่กลัว พอเขาขับรถออกไปผมก็ตามไปทะเบียนท้ายรถก็ไม่มี มันมา 2 คน อีกคนพูดดีมาไกล่เกลี่ย แต่อีกคนมันไม่ยอมจะเอาเรื่อง อยากจะบอกเขาว่ามันไม่ใช่หน้าที่ผม ที่ต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้ มันเกินกว่าเหตุขึ้นไปบนบ้านเลย อยากให้ผู้การปูทำเรื่องนี้ให้หน่อย อยากให้เร็วที่สุด มันเป็นคดีที่คุกคามมากจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด