สาวถูกชายเร่ร่อนใช้ไม้ฟาดกระจกรถแตก ขณะกลับจากรับลูกที่โรงเรียน วอนแก้ปัญหา
25 ส.ค. 2567, 12:06
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวพร้อมกับคลิปเตือนภัยลงในกลุ่ม คนเมืองกาญจน์ 2 (รีเทิร์น) โดยมีคลิปจากกล้องหน้ารถและกล้องหน้าร้านขายอาหารสุนัขแมว และข้อความว่า...ขออนุญาตแอดมินนะคะ ?โพสต์นี้ขออนุญาตเตือนภัยกับผู้ขับขี่บนถนนนะคะ? เมื่อเวลาประมาณ 19.20 น. ได้มีคนร้ายเป็นผู้ชาย (ลักษณะรูปร่างตามในคลิป) เดินอยู่แถวบริเวณแก่งเสี้ยน ได้ทำการถือไม้ลวกยาวประมาณ 2 เมตร เดินผ่านหน้าร้านขายอาหารสัตว์ไปจนเกือบถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านเอื้ออาทร และจังหวะที่มีรถเรากำลังขับผ่านคนร้ายได้วิ่งจากข้างถนนมาและทำร้ายรถจนมีสภาพดังที่เห็น ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเสียสติหรือไม่ และทางเราได้แจ้งความไว้เบื้องต้น แต่อยากให้ตามตัวให้ได้เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้อันตรายบนท้องถนนแน่คะ เพราะขนาดรถยนต์ยังพังขนาดนี้ ถ้ารถมอเตอร์ไซด์ขับผ่านจะอันตรายขนาดไหน #เผื่อมีใครพักอาศัยอยู่แถวๆแก่งเสี้ยนลองดูนะคะ# ขอบคุณมากคะ ?? ภาพจากกล้องหน้ารถ ทางตำรวจถามว่าจำหน้าคนร้ายได้ไหม???
ระบุว่าในช่วงเวลาประมาณ 19.20 น.วันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีชายได้เดินอยู่แถวบริเวณแถวร้านขายอาหารสัตว์แยกแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยตนเองขับรถผ่านแล้วได้ถูกชายคนดังกล่าวถือไม้ที่มีความยาวเกือบ 2 เมตร ฟาดเข้าที่กระจกรถยนต์อย่างแรงจนแตกเสียหาย โดยผู้โพสต์ยังระบุอีกว่าไม่แน่ใจว่าชายคนดังกล่าวสติดีหรือไม่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ขับผ่านมาจะได้รับอันตรายขนาดไหน
ต่อมา ผู้สื่อข่าว ONB news ได้พบกับ นางสาวนันฑิกา วงษ์จันทร์ศรี อายุ 44 ปี ชาวตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ผู้โพสต์คนดังกล่าว เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 สิงหาคม 2567 หลังจากตนเองขับรถไปรับลูกชายกลับจากโรงเรียน ได้แวะซื้ออาหารสัตว์ที่ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ใกล้เคียงสี่แยกแก่งเสี้ยน โดยในระหว่างกำลังซื้ออาหารสัตว์อยู่นั้น สังเกตเห็นชายลักษณะคล้ายคนเมา หรือคนวิกลจริตเดินถือไม้รวกอยู่ริมถนน เดินผ่านรถของตนไป ซึ่งในระหว่างที่ชายคนดังกล่าวเดินผ่านบริเวณที่รถของตนจอดอยู่ได้มีการหันมามองรถของตนอยู่เป็นระยะ ด้วยความกังวลว่าอาจจะเกิดอันตราย เพราะลูกชายของตนนั่งรออยู่ในรถเพียงลำพัง ตนจึงได้รอให้ชายคนดังกล่าวเดินผ่านรถของตนไปก่อน จากนั้นจึงรีบไปขึ้นรถ และเตรียมขับรถกลับบ้านพร้อมกับลูกชาย หลังขับรถออกจากร้านขายอาหารสัตว์มาได้ประมาณ 200 เมตร ได้เจอกับชายคนเดิมที่เดินอยู่ริมถนนหันมามองรถของตนที่กำลังขับมาถึง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะวิ่งออกมาจากข้างถนนและใช้ไม้ทำท่าพยายามจะตีใส่ที่รถของตน ตนจึงตัดสินใจหักรถออกไปยังเลนขวาสุด แต่ก็ยังถูกชายคนดังกล่าวใช้ไม้ตีเข้าที่บริเวณกระจกด้านหน้ารถ ด้านข้างตัวรถ และด้านหลังรถ รวมทั้งหมด 3 ครั้งจนรถได้รับความเสียหาย หลังถูกชายคนดังกล่าวใช้ไม้ตีรถ ตนได้ขับหนีออกมาจนอยู่ในระยะปลอดภัยแล้วจึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้น้อง ที่เป็นเจ้าของร้านขายอาหารสัตว์ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่เจ้าของร้านอาหารสัตว์จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เดินทางมาพบกับตนที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อห่างจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อย ซึ่งหลังจากตนให้ข้อมูล เกี่ยวกับชายคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตามหาแต่ก็ไม่พบตัวชายคนดังกล่าวแต่อย่างใด
หลังเกิดเหตุ ตนจึงได้เดินทางใบแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี พร้อมนำรถไปเคลมประกันเนื่องจากรถถูกตีจนได้รับความเสียหายอย่างมาก จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมา เคยมีคนที่ขับรถสัญจรไปมาถูกก้อนหินปาใส่หรือใช้ไม้ตีในลักษณะคล้ายกับของตนมาแล้วหลายครั้ง ตนจึงอยากวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากบริเวณถนนจุดเกิดเหตุนั้น มีชาวบ้าน และพนักงานห้างสรรพสินค้า ที่ต้องสัญจรไปมาในช่วงหัวค่ำหลังเลิกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากผู้ที่ถูกก่อเหตุเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ใช่รถยนต์เหมือนกับรถของตนก็อาจจะได้รับอันตรายมากกว่าที่เกิดขึ้นกับตนก็ได้ และถึงแม้ผู้ก่อเหตุจะมีลักษณะคล้ายคนวิกลจริต แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเช่นนี้ และหากเป็นคนวิกลจริตจริงก็ควรจะต้องถูกนำตัวไปดูแลในสถานที่ที่เหมาะสมไม่ปล่อยให้มาสร้างความเดือดร้อนหรือสร้างอันตรายให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเช่นนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่รอบๆ จุดที่เกิดเหตุ พร้อมกับ นายอาณัติ วรรณกาญจน์ หรือ สท.เฟิร์ส สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน พาไปพบชาวบ้านในชุมชนสอบถามข้อมูลและแจ้งให้ชาวบ้านทราบ และไปที่ร้านกาแฟจุดที่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ พบบุคคลต้องสงสัยคนหนึ่งเดินเร่ร่อนที่หน้าร้านกาแฟเมื่อสามวันก่อน ในคลิปจะเห็นว่าจะพยายามเดินเข้ามาขอเงินจากลูกค้า
ล่าสุดยังไม่รู้ตัวว่าคนที่ก่อเหตุเป็นใคร ส่วนทางด้านฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะได้ติดตามสังเกตบุคคลดังกล่าวเพื่อจะทำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป