บุกค้นบริษัทคริปโตเถื่อน รับแลกเงินแก๊งคอลฯ-การพนัน-ยาเสพติด
30 ส.ค. 2567, 11:46
วันที่ 30 ส.ค.2567 เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล พ.ต.ต.หญิง จันทร์เพ็ญ โตสาคร สว. กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.เข้าตรวจค้น บริษัทแห่งหนึ่ง แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ร่วมกันจับกุม น.ส.วันวิสาข์ฯ อายุ 35 ปี และนายอรรณพฯ อายุ 40 ปี โดยทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน และเป็นผู้ก่อตั้งและอดีตกรรมการบริษัท ซึ่งการตรวจค้นมี น.ส.วันวิสาข์ฯเป็นผู้นำตรวจค้น
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากผู้เสียหายมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีเนื่องจากถูกหลอกให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล(เงินเหรียญดิจิทัล) โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง แต่เมื่อผู้เสียหายทำการโอนเงินเหรียญดิจิทัลให้กับคนร้าย กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คนร้ายอ้าง โดยคนร้ายทำการโอนเงินตอบแทนให้ผู้เสียหายแค่จำนวนนึง
ซึ่งคนร้ายอ้างว่าหากจะได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ผู้เสียหายต้องทำการโอนเงินเหรียญดิจิทัลให้กับคนร้ายเพิ่มเติม ถึงจะได้ผลตอบแทนมากขึ้นและจะสามารถถอนเงินเหรียญดิจิทัลที่ผู้เสียหายลงทุนไปคืนได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้มาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนพบเครือข่ายร้านรับแลกเหรียญเถื่อน จึงวางแผนดำเนินการเข้าตรวจค้น บริษัทดังกล่าว ที่มีการรับถ่ายโอนสินทรัพย์ดิจิทัล (เงินเหรียญดิจิทัล) จากคนร้าย ในคดีที่ผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ไว้
ผลการตรวจค้น พบเอกสารเกี่ยวกับบริษัท และเอกสารเกี่ยวกับบัญชีการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก จากการตรวจสอบบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลพบว่า มีการซื้อขายเหรียญนอกศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล(นอกกระดานซื้อขาย) โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นชาวต่างชาติ เช่น ชาวมาเลเซีย ชาวกัมพูชา ชาวจีน และชาวต่างชาติอื่นๆ ซึ่งบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของ น.ส.วันวิสาข์ฯ มีสินทรัพย์ดิจิทัลหมุนเวียนจำนวนมาก คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท และบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของสามีและอดีตกรรมการบริษัทดังกล่าว คือ นายอรรณพ ฯ มีสินทรัพย์ดิจิทัลหมุนเวียนคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งขณะเข้าตรวจค้น พบว่า นายอรรณพ ฯ กำลังถูกดำเนินคดีในข้อหา การพนัน,ฟอกเงิน และยาเสพติด ตามหมายจับของ บช.สอท. อีกด้วย
จากการสอบถามเบื้องต้น นายอรรณพฯ ทราบว่า ประกอบอาชีพรับแลกเปลี่ยนเหรียญกับชาวต่างชาติ(เช่น ชาวมาเลเซีย ชาวกัมพูชา ชาวจีน) โดยลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นลูกค้ารายใหญ่มีการแลกเปลี่ยน หลัก 10,000 USDT โดยจากการสืบสวนพบบัญชีคริปโตดังกล่าวใช้รับแลกเหรียญทั้งจากแก็งคอลเซ็นเตอร์, บัญชีการพนัน และบัญชียาเสพติดอีกด้วย