วันที่ 2 กันยายน 2567 จากกรณีมีประเด็นดราม่าโพสต์ในโลกโซเชียล พระรูปหนึ่งหนีจากจังหวัดลพบุรี มาตั้งสำนักอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา มีคดีอนาจารเด็ก ไม่มีใบสุทธิบวชพระ กราบแม่ในขณะที่เป็นพระ ก่อนมีการวิพากษ์วิจารณ์การไปต่างๆนานา

ล่าสุด อดีตพระอาจารย์วรรณชัย วณฺณโก หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามอาจารย์เอ เล่าให้ฟังว่า ตนบวชพระถูกต้องทุกอย่าง แต่มีคนมาพูดจาให้ร้ายว่าตัวเองเป็นพระเถื่อน พูดจาให้อีกฝ่ายเสียหาย โดยไปสุทธิตัวเองก็พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา การที่ตัวเองออกจากจังหวัดลพบุรี ไม่ได้มีคดีอนาจารเด็กแต่อย่างใด  เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบก็มาเช็คข้อมูลเหมือนกัน หากมีการกระทำอย่างนั้นก็คงถูกจับไปดำเนินคดีแล้ว ที่ผ่านมาตนนี้ก็บวชพระได้ 4 พรรษา ก่อนจะไปจำพรรษาอยู่ที่ลพบุรี การที่มีภาพว่าตนเองมีการกราบแม่ และกอดแม่ในงานพิธีช่วงเดือนมหามงคลสิงหาคม ช่วงวันดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำลายพระพุทธศาสนา แต่วันดังกล่าวเป็นประเพณีเนื่องในวันแม่ ตอนจึงอยากจะแสดงให้ลูกศิษย์ได้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสมณะรูปใด การกตัญญูกตเวทิตา ต่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เราสามารถทำได้ แม้กระทั่งเราบวชเป็นพระ ท่านมองว่าพ่อแม่คือพระอรหันต์ คือสามารถกราบไหว้แม่ได้ ถูกเนื้อต้องตัวพ่อไม่ได้ เพราะพ่อแม่คือผู้ให้กำเนิด เป็นครูคนแรกเป็นเพื่อนคนแรกเป็นพระองค์แรกเป็นทุกสิ่งคนแรกเสมอ เมื่อพระพุทธเจ้าบอกว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ เราก็สามารถเคารพและกราบไหว้ได้ นี่คือความคิดของเรา การมาตั้งสำนักอยู่ในพื้นที่อำเภอหนองบุญมาก มีการตอบแทนให้กับสังคมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น มีการมอบทุนการศึกษา ให้ค่าอาหารกลางวัน พ่อค้าแม่ค้าก็มีรายได้จากการขายของ มีการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง

ด้านชาวบ้านและแม่ค้าในพื้นที่ เปิดเผยว่า สำหรับพระอาจารย์เอตั้งแต่ศึกออกมาจากวัดซับตะคร้อทางวัดก็เงียบเหงาเพราะไม่มีคนมาเข้าวัดหรือทำบุญเลย จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ทางอาจารย์เอก็ลาสิกขาออกมาเปิดเป็นตำหนักของตัวเองซึ่งก็ได้คนเข้ามาจำนวนมากเหมือนกับครั้งก่อนที่เข้ามาที่วัด ซึ่งก็เป็นสร้างรายได้ให้ชุมชนด้วยเพราะให้ชาวบ้านเข้ามาขายของได้เวลามีงานคนเยอะก็เป็นเรื่องดีของพ่อค้าแม่ค้ากันที่มีคนอุดหนุนก็ถือว่าเป็นเรื่องดีด้วย