รวบเจ้าพ่อค้ายาชาวอังกฤษ หนีคดี-ใช้ชีวิตหรู ซ้อมมวยที่ภูเก็ต
3 ก.ย. 2567, 13:30
วันที่ 3 ก.ย.2567 พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5บก.ป. , ร.ต.อ.ปิยะวัตร ปราบเสร็จ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นายเบนฯ (Mr.Ben) อายุ 28 ปี สัญชาติอังกฤษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 607/2567 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมรู้ร่วมคิดในการจัดหายาเสพติดประเภทเอ (โคเคน), สมรู้ร่วมคิดในการจัดหายาเสพติดประเภทบี (คีตามีน), สมรู้ร่วมคิดเพื่อให้ได้มา ใช้ หรือครอบครองทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดทางอาญา, จัดหายาเสพติดประเภทเอ (โคเคน) และจัดหายาเสพติดประเภทเอ (เฮโรอีน)”
สถานที่จับกุม ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
พฤติการณ์ เนื่องด้วย นายเบนฯ (Mr.Ben) เป็นผู้ต้องหารายสำคัญซึ่งทางประเทศอังกฤษต้องการตัว เนื่องจากเป็นหนึ่งในขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญของประเทศอังกฤษ ได้หลบหนีคดีซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาได้มีหลักฐานน่าเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ทางหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ สหราชอาณาจักร (NCA) จึงได้ดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน และได้ประสานขอความร่วมมือให้ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ช่วยดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีการเช่าคอนโด และพูลวิล่าหรูอยู่ในพื้นที่ใกล้หาดราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยได้ปกปิดตัวตนในการขึ้นชกมวยโดยใช้นามแฝงว่า Billy และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องในการจำหน่ายยาเสพติดให้แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ตหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ จนกระทั่งพบผู้ต้องหารายนี้กำลังปรากฏตัวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จึงได้วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 เตรียมส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศอังกฤษต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัย ในปัจจุบันมีอาชญากรที่แฝงตัวเข้ามาประเทศไทยในรูปแบบของนักท่องเที่ยว ขอให้ประชาชนทุกคนโดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวช่วยกันตรวจสอบ หากพบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวของกับการก่ออาชญากรรมหรือค้ายาเสพติดให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจในพื้นที่ หรือตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนต่อไป