วันนี้ 5 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าว ONB  news รายงานว่า นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีช้างป้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จำนวนหนึ่งออกหากินนอกเขตพื้นที่อนุรักษ์ มีทั้งเดินข้ามถนนและข้ามแม่น้ำแควน้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ศรีสวัสดิ์ และเขตพื้นที่ตำบลช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี และตำบลหนองรี อ.บ่อพลอย โดยคืนวันที่ 4 ก.ย.ต่อเนื่องมาถึงเช้าวันใหม่ของวันที่ 5 ก.ย.67 เจ้าหน้าที่ได้ติดตามเฝ้าระวังช้างป่าออกนอกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

 

และต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าชุดที่ 2 ประจำหน่วยพิทักษ์ป่าท่าทุ่งนา ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี ว่าได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีช้างเข้ามากินและทำลายพืชไร่ทำให้พืชผลทางเกิดเษตรเกิดความเสียหาย บริเวณบ้านช่องกระทิง หมู่ที่ 4 ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยในเบื้องต้นได้เข้าตรวจสอบในพื้นที่ไร่ของชาวบ้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสัตว์ป่าสลักพระที่มีแม่น้ำแควใหญ่ขวางอยู่

 

จากการตรวจสอบพบช้างป่าได้กินและทำลายไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านที่ปลูกมาแล้วประมาณ 4 เดือน ได้ทำความเสียหายเนื้อที่ประมาณ  1 งาน หรือ 100 ตารางวา ต้นมะละกอล้มกว่า 60 ต้น เสาปูนรั้วพังเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง การตรวจสอบคาดว่าช้างป่าที่ออกมาหากินนอกพื้นที่นั้นได้ข้ามแม่น้ำมาจากฝั่งตรงข้ามประมาณ 2-3 ตัว เจ้าหน้าที่จึงได้จัดวางกำลังเอาไว้ที่บริเวณช่องทางที่พบร่องรอยช้างเดินขึ้นจากแม่น้ำแควใหญ่

 

จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.(วันที่ 4 ก.ย.)เจ้าหน้าที่เริ่มได้ยินเสียงดังของช้างป่าลักษณะกำลังว่ายน้ำข้ามแม่น้ำแควใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงเฝ้ารอท่ามกลางความมืด จนกระทั่งช้างป่ากำลังถึงฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงใช้ยุทธวิธีด้วยการส่องแสงสว่างจากไฟฉายพร้อมตะโกนขับไล่ช้างขึ้นพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ช้างตกใจ เมื่อช้างตกใจจึงได้รีบว่ายน้ำข้ามฝั่งกลับไปที่เดินในทันที โดยพบว่าช้างป่ามาด้วยกันจำนวน 3 ตัว

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าฯ จึงเฝ้าระวังตรงบริเวณดังกล่าวเอาไว้ จนถึงเวลาประมาณ 23.30 น.ก็ไม่พบว่าช้างป่าว่ายน้ำข้ามฝั่งมาอีก เจ้าหน้าที่จึงเคลื่อนตัวออกจากจุดดังกล่าวเพื่อไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณอื่นๆ ของตำบลช่องสะเดา

 

ส่วนกรณีการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกษตรกรที่ถูกช้างป่ามากินและทำลายจนได้รับความเสียหาย ขณะตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่พบกับเจ้าของ ซึ่งเจ้าหน้าจะได้เข้าไปประสานงานกับเจ้าของเพื่อพูดคุยประชาสัมพันธ์และร่วมหาแนวทางในการป้องกันช้างป่าต่อไป