ปภ. แนะทริกขับรถช่วงฝนตกลุยทางน้ำท่วมและทางโคลน ลดเสี่ยงอันตราย
6 ก.ย. 2567, 10:15
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะทริกขับรถช่วงฝนตกลุยน้ำท่วมและทางโคลนเมื่อขับผ่านเส้นทางน้ำท่วมให้ประเมินระดับน้ำไม่เกินครึ่งล้อรถยนต์ พร้อมรักษาความเร็วในระดับสม่ำเสมอ ไม่เร่งเครื่องและ ลดความเร็วกะทันหัน พร้อมปิดเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งเลี่ยงการขับเวลากลางคืนและเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ไม่ฝืนขับรถที่มีระดับน้ำสูงกว่าท้องรถเพราะไม่ปลอดภัย หากขับเส้นทางโคลนให้เลือกใช้เส้นทางที่มีรอยล้อรถยนต์อยู่แล้ว พร้อมบังคับพวงมาลัยให้อยู่บนเส้นทางเดิมหรือลดระดับลมยางเพื่อให้หน้ายางสัมผัสโคลนได้ดีขึ้น อีกทั้งไม่เร่งเครื่องเพราะจะทำให้ ล้อรถหมุนเร็วเกินไปจะทำให้รถติดหล่มได้
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การต้องขับรถฝ่าฝนตกและลุยน้ำท่วมสูงหรือบริเวณถนนที่เป็นลูกรังและมีสภาพเป็นทางโคลน ด้วยสภาพถนนแย่ทำให้ความสามารถในการควบคุมรถลดลง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อเกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะวิธีขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วมหรือสภาพถนนดินโคลน ดังนี้ ก่อนขับรถลุยน้ำท่วมให้สังเกตระดับน้ำที่ยังขับผ่านไปได้ไม่ควรเกิน 15 - 20 เซนติเมตร หรือประมาณครึ่งล้อรถยนต์หรือไม่ควรเกินขอบฟุตบาทถนน โดยขับรถไปตามแนวการขับขี่ของรถคันหน้าและเลี่ยงขับผ่านน้ำท่วมขังในช่วงเวลากลางคืนหรือเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เพื่อป้องกันการขับรถออกนอกเส้นทางอาจทำให้ รถพลัดตกไหล่ทางหรือคูน้ำริมถนนได้ พร้อมปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อไม่ให้พัดลมแอร์ทำงานสร้างความเสียหายและป้องกันเครื่องยนต์ดับ รวมถึงขับรถให้ช้าที่สุด รักษาความเร็วในระดับสม่ำเสมอ ไม่เร่งเครื่องและลดความเร็วกะทันหัน เว้นระยะเบรก 2 - 3 คันรถ จะช่วยให้คลื่นน้ำไม่ซัดเข้ามาโดนหน้ารถแล้วเลือกใช้ช่องทางที่มีน้ำท่วมในระดับต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ หากน้ำท่วมระดับสูงกว่าท้องรถให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นและไม่ฝืนขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้รถเสียหายและลดโอกาสถูกกระแสน้ำพัดให้รถลอยไปได้
นอกจากนี้ หากต้องขับรถบนเส้นทางที่สภาพเป็นทางโคลนให้เลือกใช้เส้นทางมีรอยล้ออยู่แล้วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดหล่ม ผู้ขับควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ หากเหยียบคันเร่งไม่ไปหรือล้อรถมีอาการหนืดให้ค่อยๆ ขยับพวงมาลัยหมุนไปมาอย่างช้า ๆ เพื่อให้ล้อรถเกาะกับพื้นดินใหม่จะช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้ แต่ห้ามหมุนล้อเร็วเกินไปเพราะจะยิ่งทำให้ล้อรถจมโคลนมากขึ้น หรือให้ลดระดับลมยางเพื่อให้หน้ายางได้สัมผัสกับพื้นโคลนได้ดีขึ้น เพราะในสภาพที่ดินแช่น้ำเป็นเวลานานจะทำให้ดินอ่อนนุ่มจนลื่นยากต่อการขับขี่ ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรจะหาเส้นทางใหม่พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ขับรถชิดขอบถนนหรือไหล่ทางมากเกินไป จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางในช่วงฝนตกน้ำท่วมได้ ท้ายนี้ หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่ม Line ID 1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง