รวบแล้ว! โจรมือด้วน พร้อมสมุนคู่ใจ อาละวาดก่อเหตุลักทรัพย์ งัดตู้เติมเงิน-ขโมยน้ำมัน เดือนเดียว 4 อำเภอ
8 ก.ย. 2567, 11:15
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 6 ก.ย.67 พ.ต.ท.ทวีป เมืองสุวรรณ์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิจิตร สามัญเมือง สว.สืบสวน สภ.สลุย ร.ท.มานะ ขำบุรี หน.ชป.กร.กกล.เทพสตรี และกำลังตำรวจ ทหาร ได้นำหมายจับศาลจังหวัดชุมพร เลขที่ จ304/2567 และหมายจับเลขที่ จ305/2567 เข้าทำการจับกุมตัวนายชินวัฒน์ อายุ 26 ปี พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อายุ 21 ปี ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ลงวันที่ 3 กันยายน 67 ก่อนนำตัวทั้งสองพร้อมรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีแดงดำ มาสอบสวนที่ สภ.สลุย
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.ได้มีคนร้าย จำนวน 2 คน ขับรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยบริเวณขอบล้อรถทั้ง 2 ล้อเป็นสีทอง เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ด้วยการงัดตู้เติมเงิน ที่ร้านค้าขายของชำ เลขที่ 160 ม.11 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งทางเจ้าของร้านค้าขายของชำ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพร้อมนำคลิปจากกล้องวงจรปิดมามอบให้ โดยปรากฏว่าหนึ่งในคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุ พบว่าแขนซ้ายตั้งแต่ข้อมือลงไปขาดด้วน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สลุย จึงออกสืบ จนทราบผู้ก่อเหตุคือนายชินวัฒน์ มณีแดง หรือโจ้ จึงได้เข้าติดตามตัวที่บ้านเลขที่ 145/1 หมู่ที่ 4 ต.หงษ์เจริญ ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านพัก พบเพียงนางมาลี แม่ของนายโจ้ อาศัยอยู่เพียงลำพัง โดยผู้เป็นแม่ บอกเพียง นายโจ้ ไม่ได้เข้าบ้านมานานหลายวันแล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า ได้มีผู้เสียหาย จำนวน 3 ราย ในพื้นที่รับผิดชอบ ของ สภ.สลุย ได้เข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ว่า มีคนร้าย 2 คน เข้ามาก่อเหตุงัดตู้เติมเงิน ขโมยยกตู้เติมเงินไปและงัดตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญ เอาเงินและน้ำมันไป โดยผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดมามอบให้ ซึ่งก็พบว่า คนร้ายทั้งสองคนมีลักษณะท่าทางหน้าตาตรงกับที่ก่อเหตุมาก่อนหน้าทุกอย่าง โดยเฉพาะนายโจ้ ที่มือซ้ายด้วน และรถ จยย.ที่เข้าก่อเหตุได้เปลี่ยนมาเป็นรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
นอกจากนี้ยังพบว่าภายในเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา คนร้ายทั้งสองคน ยังไปก่อเหตุลักทรัพย์ในร้านอาหาร และงัดตู้เติมเงิน ที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ที่ อ.เมืองชุมพร 2 ครั้ง ที่ อ.สวี จ.ชุมพร 2 ครั้ง และที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีก 1 ครั้ง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ที่ทั้งสองเข้าก่อเหตุ ได้ร่วมกันติดตามเส้นทางการก่อเหตุและเส้นทางการหลบหนี โดยกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆพบว่าทั้งสอง จะตระเวนก่อเหตุจากชุมพรตอนบนลงไปเรื่อยๆ จนล่าสุดได้ขับรถ จยย.ขึ้นมาก่อเหตุที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วกลับมากบดานที่ บ้านเลขที่ 145/1 หมู่ที่ 4 ต.หงษ์เจริญ ท่าแซะ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายเข้าทำการจับกุมได้โดยละม่อมทั้งคู่พร้อมรถ จยย.ที่ให้ก่อเหตุ
จากการสอบสวนทั้งคู่ ให้การยอมรับสารภาพว่า ภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดคือตนเองจริงและได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยครั้งแรก ได้ขอยืมรถ จยย.ฮอนด้า สีแดงดำ จากนายธีรศักดิ์ นวลศิริ ซึ่งเป็นเพื่อนโดยบอกว่าจะไปเอาเอกสาร แต่เมื่อได้รถแล้ว ก็ไปก่อเหตุงัดตู้เติมเงิน หลังก่อเหตุแล้วนำรถมาคืนให้นายธีรศักดิ์ ต่อจากนั้นก็ได้ไปขโมยรถ จยย.ฮอนด้า สีดำเทา ที่เจ้าของจอดทิ้งไว้ที่บริเวณริมเขื่อนคุริง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แล้วก็นำมาใช้เป็นยานพาหนะออกตระเวนงัดตู้เติมเงิน และขโมยน้ำมัน ตามสถานที่ต่างๆที่เห็นว่าสะดวกปลอดคน โดยแต่ละครั้งที่งัดตู้เติมเงิน จะได้เงินไม่มากนัก ตู้หนึ่งจะได้ไม่ถึง 500 บาท เลยหันมางัดตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญ ซึ่งจะได้ดีกว่า ส่วนที่ต้องยกตู้ ก็เพราะอยู่หน้าบ้าน เกรงจะเสียงดัง ก็ใช้วิธีถอดปลั๊กแล้วช่วยกันยกขึ้นรถ จยย.เพื่อมางัด เมื่อได้เงิน ก็จะโยนตู้ทิ้งริมทาง ก่อนจะตระเวนก่อเหตุไปเรื่อย จนมาถูกจับได้ในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทั้งสองถูกจับ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต่างๆที่ทั้งสองไปก่อเหตุ ได้มาสอบสวนพร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆท่ามกลางความดีใจและโล่งอกของชาวบ้านที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขเสียที