เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 10 กันยายน 2567 พ.ต.ท.สามารถ แท่นอินทร์ สว.สอบสวน สภ.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน บนถนนสายเพชรเกษมขาล่องใต้ บริเวณ กม.477 ม.8 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ 

 ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซุกิ รุ่นเซียส สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กท 2579 ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า อยู่เลนซ้าย พังยับเยิน อุปกรณ์ชิ้นส่วนของรถหลุดพังกระเด็นไปทั่วที่เกิดเหตุ ใกล้กันพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส สวมชุดทหารเป็นเสื้อลำลองลายพราง กางเกงขายาวสีขี้ม้า สวมรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำ นอนนิ่งหายในรวยริน ก่อนจะหยุดหายใจลง เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย จึงได้ช่วยกันทำ CPR อยู่กว่า 10 นาที แต่ไม่สามารถเยื้อชีวิตไว้ได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อภายหลัง คือ จ่าสิบเอก ธนภัทร  อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ประจำหน่วยกองร้อยปืนใหญ่ที่ 2 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 25 ซึ่งตั้งอยู่ภายในมณฑลทหารบกที่ 44 ห่างจากที่เกิดเหตุ เกือบ 10 กม.

 ส่วนคู่กรณีเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สี่ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน3 ขฆ 3188 กรุงเทพมหา นคร อยู่ในสภาพด้านหน้าตั้งแต่กันชนไปถึงกระจกหน้าพังยับเยินเช่นกัน มีนายเกรียงศักดิ์  อายุ 47 ปี เป็นคนขับ และยังมีรถบรรทุกสิบล้อห้องเย็น ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือ 70-1707 สมุทรสาคร บริเวณเหล็กดัดใต้ตู้ ใกล้ถังน้ำมัน บิดงอเสียหาย โดยมีนายเดชพลัฏฐ์   อายุ 56 ปี  เป็นคนขับ ซึ่งทั้งคู่ยังอยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน 

 สอบถามนายเกรียงศักดิ์  สิทธิการ คนขับรถกระบะ ทราบว่า ตนเองเป็นเซลล์ขายปุ๋ยและยาเคมี ซึ่งก่อเกิดเหตุตนไปได้ติดต่อขายปุ๋ยและยาให้กับทางร้านแห่งหนึ่งที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ระหว่างขับรถกลับมาโดยใช้เลนขวา และกำลังจะขับแซงรถบรรทุกที่วิ่งอยู่เลนซ้าย อยู่ๆได้มีรถยนต์เก๋ง หมุนลอยเคว้งมาจากอีกฝั่งถนน(ขาขึ้น)หล่นมาชนเข้าอย่างจังกับรถตนเอง ซึ่งยอมรับเป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ตนเองตกใจทำอะไรไม่ถูก

 ในขณะที่นายเดชพลัฏฐ์ พลเดช  คนขับรถบรรทุกห้องเย็น เปิดเผยว่า ตนเองได้รถตามปกติ ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป โดยช่วงที่รถยนต์กระบะกำลังแซงไป ตนเองมองไปอีกฝั่งถนนของขาขึ้น สังเกตความผิดปกติเมื่อเห็นรถยนต์เก๋งอยู่ๆก็พุ่งตกลงร่องกลางถนนแล้วชนกระแทกกับขอบถนน ทำให้รถกระเด็นและลอยหมุนกลางอากาศก่อนจะตกลงชนด้านหน้ารถยนต์กระบะที่วิ่งตีคู่มากับตนพอดี ก่อนรถยนต์เก๋งจะกระเด็นชกกระแทกด้านข้างรถของตนเอง 

ซึ่งสอดคล้องนายประสพ  อายุ 60 ปี ที่บอกว่าตนเองขับรถ จยย.จะไปซื้อของใช้ และเป็นช่วงที่ขับไล่หลังรถยนต์เก๋งคันที่เกิดเหตุ ทำให้เห็นเหตุการณ์ว่า รถยนต์เก๋งเสียหลักแล้วพุ่งข้ามร่องกลางถนนก่อนจะไปชนกับรถยนต์อีกฝั่ง จนทำให้คนขับรถยนต์เก๋งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็จะสอบสวนหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อสรุปสำนวนคลี่คลายคดีอย่างถูกต้องต่อไป