นทท.-ปชช. ร่วมงานประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ งานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวไทยเชื้อสายมอญสังขละบุรี
19 ก.ย. 2567, 05:00
วันนี้ 8 ก.ย. 2567 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่บริเวณลานพิธีหน้าเจดีย์พุทธคยา วัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ประชาชน นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา รวมกว่า 2000 คนาร่วมงานประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ประจำปี 2567 ของชาวไทยเชื้อสายมอญบ้านวังกะ
โดยงานวันนี้เริ่มด้วยการลากเรือสำเภาจำลองที่ทำจากไม้ไผ่ ซึ่งภายในบรรจุอาหารทั้งคาวหวาน จำนวนทั้งหมด 9 อย่าง อย่างละ1,000 ชิ้น ตามคติความเชื่อที่ทำสืบทอดกันมาแต่ครั้งอดีต นอกจากนั้นภายในเรือยังประดับตกแต่งด้วยตุง ธง หลากสี หลายขนาด เพื่อประดับประดาให้เรือมีความสวยงาม ก่อนจะช่วยกันลากจุงเรือออกจากลานพิธี ไปยังบริเวณสามประสบ(ด้านหลังเจดีย์พุทธคยา) ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสำคัญทั้ง 3 สามของอำเภอสังขละบุรีไหลมาบรรจบกัน ประกอบไปด้วย แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบี่คลี่ เป็นอันเสร็จสิ้นงานบุญลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ของชาวชาวไทยเชื้อสายมอญสังขละบุรี ในปีนี้
สำหรับประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ชาวไทยรามัญ อำเภอสังขละบุรี จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงวันขึ้น 14-15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบูชาเทวดาที่ปกปักรักษาในน้ำ ในป่า และบนบก อีกทั้งเพื่อสืบสานประเพณีดั้งเดิมของคนมอญ ตลอดทั้งเป็นการเผยแพร่ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ให้แก่ชุมชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว
โดยกิจกรรมในงานจะมีการเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์ทั้ง 3 วัน โดยจะเตรียมงานดังนี้ ก่อนถึงวันพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันเตรียมทำธง ร่ม และจัดเครื่องบูชาเรือต่างๆ เพื่อถวายวัด แล้วแบ่งงานให้หัวหน้าคุ้มต่างๆ ในหมู่บ้าน รับไปให้ลูกบ้านช่วยกันทำเพื่อนำมาส่งที่วัด ผู้ชายส่วนหนึ่งจะมารวมกันที่วัดวังก์วิเวการาม เพื่อสร้างเรือจากไม้ไผ่ ประดับตกแต่งด้วยกระดาษหลากสี ในยามหัวค่ำจนถึงเช้ามืดของวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านจะทยอยพากันนำธงหลากสี ตุง ร่มกระดาษมาประดับตกแต่งเรือ และบริเวณปะรำพิธีอย่างเนืองแน่น พร้อมนำเครื่องเซ่น ไหว้ เช่น กล้วย อ้อย ขนม ข้าวสุก ดอกไม้ ไปวางไว้ในลำเรือ ก่อนจะจุดเทียนอธิษฐานให้สิ่งไม่ดี และเคราะห์ร้ายต่างๆ ไปให้พ้นจากชีวิตตน และรับฟังบทสวดอิติปิโส 108 จบ และบทสวดสะเดาะเคราะห์จากภิกษุสงฆ์
เมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ ชาวบ้านมารวมตัวกันตั้งเป็นขบวนแห่ มีปล่อยโคมลอยเล็กใหญ่ที่ช่วยกันทำขึ้นมา ประกอบการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน จากนั้นชาวบ้านทั้งหมดจะช่วยกันลากเรือไปปล่อยกลางน้ำบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย ได้แก่ ซองกาเลีย รันตี และบิคลี่ ที่เรียกกันว่า “สามสบ” หรือ “สามประสบ” นั่นเอง
สำหรับประวัติความเป็นมาของประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ของคนมอญ บ้านวังกะ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี น.ส.อรัญญา เจริญหงษา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังกะ เล่าให้ฟังว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระเจ้าธรรมเจดีย์ กษัตริย์มอญขึ้นครองราชย์ปกครองอาณาจักรมอญ เมืองหงสาวดี
พระองค์ทรงเห็นพระภิกษุสามเณรในเมืองมอญหงสาวดี มีความประพฤติย่อหย่อนต่อพระธรรมวินัย พระพุทธศาสนาในเมืองมอญเกิดมลทินด่างพร้อยมากมาย จึงมีพระราชประสงค์จะสังคายนาพระพุทธศาสนาในเมืองมอญเสียใหม่ เพื่อชำระหมู่พระภิกษุสงฆ์ให้มีความบริสุทธิ์
พระองค์จึงมีพระราชโองการรับสั่งให้พระภิกษุสามเณรในเมืองมอญลาสิกขาเสียทั้งหมด แล้วทรงส่งปะขาวถือศีล 8 คณะหนึ่งคือ อดีตพระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎก ทรงความรู้ตั้งมั่นในศีล ที่พระองค์มีคำสั่งให้ลาสิกขามาถือศีล 8 เป็นปะขาวนั่นเอง
จากนั้น จึงให้ออกเดินทางไปประเทศศรีลังกา เพื่อให้ไปถือการอุปสมบทเป็นพระภิกษุมาใหม่จากคณะสงฆ์ในประเทศศรีลังกา เมื่อเรียนรู้จนเสร็จให้เดินทางกลับมาเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ บวชให้แก่คนมอญในเมืองมอญเสียใหม่
คณะของปะขาวนี้เมื่อเดินทางถึงประเทศศรีลังกา จึงได้รับการอุปสมบทเป็นที่เรียบร้อยตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าธรรมเจดีย์ หลังจากนั้นจึงได้เดินทางกลับเมืองหงสาวดีโดยเรือสำเภา
ในระหว่างทางที่เดินทางกลับนั้น เรือสำเภาหนึ่งในจำนวนสองลำโดนพายุที่รุนแรงพัดจนหลงทิศไป จึงมีเพียงเรือสำเภาลำเดียวเท่านั้นที่เดินทางมาถึงเมืองหงสาวดีโดยปลอดภัย
เมื่อทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าธรรมเจดีย์ พระองค์จึงรับสั่งให้ทำเรือจำลองขึ้นมา ข้างในบรรจุด้วยของเซ่นไหว้บูชาเหล่าเทวดาทุกหมู่เหล่า ด้วยเครื่องเซ่นไหว้นั้น ให้เหล่าเทวดาทั้งหลายที่ดูแลพื้นดินก็ดี ที่ดูแลพื้นน้ำก็ดี ที่ดูแลพื้นอากาศก็ดี ได้มาช่วยปัดเป่าให้เรือสำเภาที่หลงทิศไปนั้นได้เดินทางกลับมายังกรุงหงสาวดีโดยปลอดภัยหลังจากที่พระองค์ทรงทำพิธีสะเดาะเคราะห์แล้วไม่กี่วัน เรือที่หลงทิศนั้นเดินทางกลับมาถึงเมืองหงสาวดีโดยปลอดภัย
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นชาวมอญจึงถือเอาเหตุการณ์นี้ทำพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ในช่วงกลางเดือน 10 ของทุกๆ ปี สืบต่อกันมาตราบจนปัจจุบันนี้
ขณะที่คติความเชื่อในการปล่อยโคมลอยนั้น นายวิรัช หงส์ไทย ประธานกลุ่มพัฒนาวัดวังก์วิเวการาม ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ชาวมอญจัดทำโคมลอยเพื่อเป็นพุทธบูชา และเป็นการขอพรจากเทวดา ที่ปกปักรักษามนุษย์ ให้ช่วยดูแลให้พ้นจากภัยพิบัติและโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง เนื่องจากเราไม่สามารถเดินทางขึ้นไปบอกทเทวดาบนสวรรค์ได้ จึงได้ทำโคมลอยขึ้นมาแล้วปล่อยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อให้เทวดาได้รับรู้ถึงคำขอของเรา
คติความเชื่อในการปล่อยโคมลอยของชาวมอญ ยังนิยมทำและปล่อยโคมในช่วงออกพรรษาด้วยเช่นกัน