"โจรชิงทอง" หลายท้องที่ เปลี่ยนสีรถตบตา สุดท้ายถูกจับได้สารภาพสิ้นไส้
23 ก.ย. 2567, 05:22
เมื่อวันที่ 22 ก.ย ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ ว่า ได้จับกุมผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำในเขตจังหวัดหนองคายและบึงกาฬได้รับแล้วก็คือ นายอนุรักษ์หรือต้า สุระวิ อายุ 31 ปี บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที 19 ม.2 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดยมาเป็นเขยอาศัยอยู่กับภรรยาบ้านเลขที 20/2 ม.2 บ้านอ่างทอง ต.โซ่ อ.โซพิสัย จ.บึงกาฬภายหลังก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำหนักหนึ่ง 1 บาทของข้าราชการหญิงสาวท่านหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ จนสร้อยคอขาด และหล่นตกพื้น แต่คนร้ายไม่ได้อะไรติดมือไป จากนั้นจึงขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า ซูโม่เอ็ก ใส่หมวกแก๊ป ใส่แมส และสวมเสื้อผ้าปกปิดหลบหนีไป เหตุเกิดเวลาใกล้เที่ยง เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นไปก่อเหตุพื้นที่ สภ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ โดยกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงของสาวสูงวัยที่ขี่ จยย.พ่วงข้างมาตามถนนระหว่างบ้านใหม่พัฒนา-บ้านนาทราย อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ มาคนเดียวมุ่งหน้าไปทางบ้านนาทราย จะกลับบ้าน เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณสนามฟุตซอล ริมบึงสาธารณะหนองจันทร์ ได้มีคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแขนยาวสีส้ม สวมหมวกนิรภัยสีดำ กระชากสร้อย 2 สลึงขาด โดยได้ไปครึ่งเส้นพร้อมจี้พระติดมือไป
ภายหลังเกิดเรื่อง พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ,จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ รอง.ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ญาณะธัช ชัยพชรโชติ ผกก.สภ.ศรีวิไล เร่งติดตามนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว ดังนั้นตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ศรีวิไล ออกติดตามหาข่าว จนทราบแน่ชัดว่า ผู้ร้ายรายนี้คือ นายอนุรักษ์หรือต้า สุระวิ อายุ 31 ปี ที่พักอาศัยอยู่กับภรรยา บ้านเลขที่ 20/2 ม.2 บ้านอ่างทอง ต.โซ่ ดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาได้ไหวตัวออกจากบ้านพัก โบกรถสามล้อพ่วงข้างหนีไปซ่อนตัวอยู่ภายในวัดป่าดอนกรรม บ้านโนนซาด ต.โซ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.กำพล บัวจันทร์ สว.กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ ร.ต.อ.โชติ จอมคำสิงห์ ด.ต.พนม อินไชยา จ.ส.ต.วรวัฒน์ ห้วยทราย ส.ต.อ.ศภชัย แก้วขุ ชุดสืบสวน สก.ศรีวิไล พ.ต.ต.เฉิดชัย เฉิดรัศมี สว.สส.ร.ต.อ.พัฒนากร วรกา รอง สว.สส.ค.ต.สมพงษ์ ศรีกงพาน ส.ต.ท.สุทัศน์ หอมลา พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอโซ่พิสัย จึงได้เข้าปิดล้อมจับกุมได้ตัวดังกล่าว ผู้ต้องหายอมรับว่าได้ก่อเหตุจริง ก่อเหตุในพื้นที่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย วันที่ 4 กันยายน ได้ทองคำ 1 บาทมาขายที่ร้านทอง อ.ปากคาด ได้เงินไป 38,000 บาท ส่วนทองที่ได้มาครึ่งเส้นจาก อ.ศรีวิไล ไปขายที่ร้านทอง อ.เมืองนครราชสีมา ได้เงิน 6,000 บาท จึงแจ้งข้อกล่าวหา” วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด” ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีวิไล ดำเนินคดี
ส่วนวิธีการก่อเหตุนั้น นายต้า ผู้ต้องหาเผยว่านอกจากจะอำพรางตัวในการปิดหน้าตาและเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วก็คือหลังก่อเหตุแล้ว จะเปลี่ยนสีเฟรมรถไปเรื่อย เพื่อตบตาตำรวจไม่ให้จำสีรถได้ หรือหลบหลีกล้องวงจรปิดจับภาพได้นำมาเปรียบเทียบกัน เดิมทีรถคันนี้เป็นสีดำ ก่อนถูกจับจะนำไปไปเปลี่ยนเฟรมเป็นสีส้มที่ร้านเขาทรายในวันที่ 9 กันยายน 2567 และได้มาพ่นสีเฟรมจากสีส้มเป็นสีขาวในวันที่ 11กันยายน 2567 อีกที ซึ่งคนร้าย หรือนายอนุรักษ์หรือต้า สุระวิ อายุ 31 ปีเข้าใจว่าทำอย่างนี้ตัวเองฉลาด และจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นความเก่งและประสบการณ์ของตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบึงกาฬ ไปได้ ต้องนอนคุกยาว เพราะทางตำรวจ สภ.เฝ้าไร่ ก็อายัดตัวจองคิวไว้แล้ว.