"คนร้าย" แอบใส่ยาฆ่าหญ้าในถังน้ำ หวังปลิดชีพพระทั้งวัดหนองเข้ โชคดีไหวตัวทัน
31 ต.ค. 2562, 13:39
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เกิดเหตุน่าตกใจให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีเป็นอย่างมาก หลังมีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งที่แสดงตนว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ เลขที่ 323 หมู่ 12 ตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ว่ามีคนร้ายพยายามที่จะฆ่าพระสงฆ์ทั้งวัด ด้วยการแอบใส่สารเคมีซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยาฆ่าหญ้าลงไปในถังน้ำใช้อุปโภคบริโภคภายในวัด เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา พร้อมภาพที่ทางคณะเจ้าอาวาสได้เดินทางเข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สว่างอารมณ์ ก่อนเดินทางเข้ามาตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ และเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยที่ว่าการอำเภอสว่างอารมณ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบและช่วยเหลือดังกล่าว จนทำให้มีประชาชนเข้ามาสอบถามด้วยความห่วงใย และพากันแชร์โพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไปจำนวนมาก
โดยในช่วงเช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบพระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ เพื่อสอบถามถึงเหตุดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา น้ำบาดาลที่ใช้ในวัดหนองเข้ อยู่ๆ ก็มีกลิ่นสารเคมีคล้ายกับยาฆ่าหญ้ามาเจือปนกับน้ำ พระภิกษุภายในวัดและญาติโยม ที่มาร่วมกันทำบุญที่วัด ได้ใช้น้ำบาดาล ทั้งกินและอาบน้ำ รวมถึงใช้ล้างหน้าแปรงฟัน โดยมีโยมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นโยมผู้หญิง ได้มาช่วยงานของทางวัดเป็นประจำ แล้วเกิดร้อนขึ้นจึงอาบน้ำในห้องน้ำของทางวัด หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วโยมผู้หญิงนั้นมีอาการเป็นตุ่มขึ้นและมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาลอำเภอสว่างอารมณ์ โดยในตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งหากอาการไม่ดีขึ้นอีก ทางแพทย์ที่รักษาอยู่นั้นจำเป็นต้องส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดอุทัยธานี
โดยโยมผู้หญิงที่มีอาการแพ้นั้น มีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน พออาบน้ำไปแล้วมีตุ่มคันและเป็นตุ่มใสๆ ขึ้นตามร่างกายเต็ม รวมไปถึงพระลูกวัดที่ใช้น้ำล้างหน้าและแปรงฟันก็มีอาการแพ้ แต่เคราะห์ดีที่น้ำนั้นมีกลิ่นยาฆ่าหญ้าอย่างรุนแรง จึงรีบนำน้ำขวดหรือน้ำดื่มที่มีอยู่ในวัดล้างออกทัน แต่พระบางคนก็มีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบเพราะใช้น้ำที่คาดว่าน่าจะมียาฆ่าย่าผสมอยู่ดังกล่าว
ซึ่งสาเหตุที่เชื่อว่าต้องมีคนมาวางยาฆ่าหญ้าไว้ในวัดนั้นคือ ก่อนหน้านี้ทางวัดหนองเข้ นั้นขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคอย่างมาก จึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ขอรถเจาะบ่อบาดาลจาก สมาคมชาวไร่อ้อยอุทัยธานี มาเจาะบ่อบาดาลให้เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน ซึ่งน้ำนั้นใสมากและสะอาดสามารถดื่มได้และใช้กันมาตลอดไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมาถึงช่วงวันที่ 7-9 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก็มีคนมีอาการแพ้น้ำอย่างรุนแรงจนต้องนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล และอีกประเด็นที่มั่นใจก็คือ ทางวัดนั้นได้ขัดผลประโยชน์กับทางกรรมการวัดชุดเก่า เพราะทางวัดและกรรมการวัดนั้นได้มีปากเสียงกันมาเป็นระยะเวลานานมากเกือบ 20 ปี จนมาถึงปัจจุบันทางกรรมการวัดชุดเก่าก็ยังคงหวังผลประโยชน์ของทางวัด
จึงอาจจะวางแผนนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำในวัดที่มีถังพักน้ำอยู่ 3 ใบ ใกล้กับบ่อบาดาลและอีก 2 ถัง อยู่บริเวณหลังศาลาวัด ซึ่งขณะนี้ได้ตัดท่อที่มีน้ำปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้าแล้วเพื่อป้องกันอันตราย แต่ยังคงเก็บน้ำที่มีสารปนเปื้อนไว้จำนวน 5 ถัง พักน้ำเพื่อไว้เป็นหลักฐาน และนำถังน้ำมาเพิ่มอีกหนึ่งใบ เพื่อใช้สำรองไปก่อน
โดยทางพระครูพิศาลอุทัยกิจ นั้นได้เข้าไปบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอสว่างอารมณ์ไว้แล้ว พร้อมนำตัวอย่างน้ำไปร้องกับทางอำเภอสว่างอารมณ์ เพื่อขอให้ตรวจสารปนเปื้อนในน้ำ และขณะนี้ได้ดำเนินการนำน้ำที่เชื่อว่าปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้า ไปส่งตรวจยังจังหวัดนครสวรรค์ และยังเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานี เพื่อร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว เพื่อให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีรับทราบ พร้อมแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี และขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างและชัดเจนว่าใครที่ไม่หวังดีนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำเพื่อหวังจะลอบฆ่าพระทั้งวัดดังกล่าว พระครูพิศาลอุทัยกิจ กล่าว