(31 ต.ค. 62 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เกษตรกรชาวตรัง และใกล้เคียง ประมาณ 30 ราย ในนามกลุ่มฟักเขียว ซึ่งแปลว่า ฟูม ฟัก หัวใจสีเขียว ได้ร่วมกันเปิดตลาดนัดสีเขียวชื่อว่า ตลาดกรีนชินตา ขึ้น โดยเป็นการรวมตัวของพ่อค้าแม่ค้าที่ขายพืชผักผลไม้ที่ปลูกเองจากที่บ้าน และมีคณะกรรมการลงพื้นที่ไปตรวจสอบแปลงปลูก เพื่อยืนยันว่าไม่ใช้สารฆ่าแมลง และสารฆ่าหญ้าทุกชนิด จึงจะสามารถนำมาวางขายได้ รวมทั้งการทำข้าวสาร และอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ไม่ใช้สารกันบูด และไม่ใช้สีผสมอาหาร เพื่อนำมาวางขายในตลาดนัดสีเขียวทุกๆ วันเสาร์ของเดือน ตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น. โดยทางกลุ่มได้มีการขึ้นป้ายประกาศไว้อย่างชัดเจนว่า "ตลาดนัดผลผลิตการเกษตรของที่นี่ ปราศจากยาฆ่าแมลง ปราศจากยาฆ่าหญ้า ปลูกตามธรรมชาติ กินตามธรรมชาติ ไม่ใช้ถุงพลาสติก เป็นแบบเกษตรอินทรีย์ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี" เพื่อให้เป็นตลาดทางเลือกแก่ประชาชนที่รักสุขภาพทั้งหลาย จนถือเป็นตลาดหนึ่งเดียวในจังหวัดตรัง

ทั้งนี้ ประชาชนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นขาประจำ จะเดินทางมาหาซื้อพืช ผัก ผลไม้ และอาหารต่างๆ ในตลาดแห่งนี้ทุกวันเสาร์ เพื่อนำไปกักตุนไว้รับประทานตลอดสัปดาห์ แล้วเดินทางมาหาซื้อใหม่ในวันเสาร์ถัดไป โดยเลี่ยงการไปหาซื้อตามตลาดอื่นๆ เพราะไม่มั่นใจว่าพืชผักผลไม้จะปลอดจากสารพิษจริงๆ แถมสินค้าที่ตลาดนัดสีเขียวยังมีราคาถูกด้วย เช่น พืชผัก มัดละ 5-10 บาท ทั้งนี้ ประชาชนจะมีการนำถุงผ้า หรือตะกร้า มาจากบ้าน เพื่อใส่พืชผักผลไม้ที่ซื้อ หรือหากบางคนไม่นำมา พ่อค้าแม่ค้าก็จะใช้วิธีผูกมัดสินค้าด้วยเชือกที่ทำจากต้นกล้วยเพื่อให้ถือกลับบ้าน และบางส่วนใส่ถุงกระดาษ ซึ่งย่อยสลายง่าย โดยเป็นข้อตกลงร่วมกันของตลาดนัดสีเขียวว่า จะไม่ใช้ถุงพลาสติกอย่างเด็ดขาด เพื่อลดขยะ และยังมีการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์แบนสารเคมีบางชนิด ให้ประชาชนที่หาซื้อสินค้าได้อ่านประกอบความรู้ และได้รู้ถึงพิษภัยของสารเคมีที่จะเกิดต่อร่างกาย และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
 

นางสาวฌัชชยา นามกร อายุ 41 ปี ตัวแทนพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มฟักเขียว กล่าวว่า ได้รวมกลุ่มกันด้วยแนวคิดเดียวกันคือ ไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด เพราะพวกตนเคยเป็นกลุ่ม Young Smart Farmer ผู้นำเกษตรกรยุคใหม่มาก่อน จึงได้มีการสร้างและขยายเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ขึ้นในจังหวัดตรัง จนนำมาสู่การจัดตั้งตลาดนัดสีเขียว เพื่อให้เป็นตลาดทางเลือกแก่ประชาชนที่รักสุขภาพทั้งหลาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สารเคมีเกษตรทั้ง 3 ชนิด ด้วยการเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะกรรมการวัตถุอันตราย ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพราะด้วยสภาพพื้นที่จังหวัดตรังจะมีการทำสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะยาฆ่าหญ้าจนติดอันดับต้นๆ ของภาคใต้ ทางกลุ่มจึงตระหนักในเรื่องนี้ เพราะเกรงยาฆ่าหญ้า จะซึมลงไปในดิน ในน้ำ เข้าสู่แหล่งอาหารของประชาชน