น้ำทะเลหนุน ทำน้ำท่วมขัง หลังขุดคลองล่าช้า เสียหายนับร้อยล้าน
16 ต.ค. 2567, 22:13
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 16 ตุลาคม 67 นายประเสริฐ เดชน้อย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมด้วย ร.ต.สมชาย จันทร์ส่องแสง อายุ 69 ปี 151 ม.7 ต.ทุ่งคา อ.เมือง นายเลี้ยง ณีรภัย อายุ 70 ปี และว่าที่ร้อยตรีหญิง วิลาวรรณ กำเหนิดโทน อายุ 35 ปี(สมาร์ทฟาร์ม) ตัวแทนชาวบ้านตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวและพาลงตรวจสอบพื้นที่โครงการขุดคลองผันน้ำชุมพร ขยายคลองนาคราช และคลองชุมพร ซึ่งเป็นการขุดคลองผันน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองชุมพร เพื่อรับน้ำและระบายน้ำจากทางด้านทิศตะวันตกเทือกเขาตะนาวศรี ในเขตพื้นที่ติดต่อกับ อ.กระบุรี จ.ระนอง
โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการมาจากตำบลบ้านนา ผ่านพื้นที่ตำบลขุนกระทิง ตำบลตากแดด ตำบลวังไผ่ ตำบลบางหมาก เพื่อระบายน้ำลงสู่ปลายทางที่อ่าวทุ่งคา ตำบลทุ่งคา อ.เมืองชุมพร รวมระยะทางประมาณ 11.8 กิโลเมตร เป็นโครงการของกรมชลประทาน ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,407,000,000 บาท (สองพันสี่ร้อยเจ็ดล้านบาท) โดยตามสัญญาโครงการแบ่งออกเป็นระยะที่ 1 และที่ 2 เริ่มดำเนินการเมื่อเดือน พ.ค.2558 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2564 แต่ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งดำเนินการไปได้ประมาณ 70 % ได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมกับแกนนำชาวบ้านที่บริเวณใกล้ปากอ่าวทุ่งคา ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ พบว่าโครงการขุดคลองนาคราช ยังคงดำเนินไปอย่างล้าช้า แรงงานเครื่องจักรแทบไม่มีให้เห็น ซึ่งยังดำเนินการไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยสภาพคลองมีความกว้างประมาณ 25 เมตร ลึก 5.25 เมตร ทั้งสองฝั่งคลองมีการขุดดินถมเป็นคันสูงกว่าที่ดินข้างเคียงของชาวบ้านมากกว่า 1 เมตร เพื่อทำเป็นแนวถนนยาวขนาบทั้งสองฝั่ง ทำให้ที่ดินของชาวบ้านมีสภาพเป็นที่ต่ำลุ่ม จนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง และน้ำทะเลหนุนสูง จนระบายได้ช้า บางพื้นที่ท่วมขังเป็นเวลานาน จนพืชผลทางการเกษตรเสียหาย โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ปาล์มน้ำมันเก็บผลผลิตไม่ได้ และทยอยยืนต้นตายจนเกือบหมดสวนแล้ว ส่งผลให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ 2 ตำบลดังกล่าวมากกว่า 100 ล้านบาท
แกนนำชาวบ้านกล่าวว่าตั้งแต่มีการขุดคลองผัดน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมดังกล่าว การก่อสร้างที่ยังไม่แล้วเสร็จตามสัญญาโครงการ มีการขุดคันคูทำถนนสองฝั่งคลองที่สูงกว่าที่ดินชาวบ้าน แม้จะมีประตูระบาดน้ำระหว่างคันคูกับที่ดินชาวบ้าน แต่ก็มีน้อยมากและไม่สมบูรณ์ระบายไม่ทัน เมื่อก่อนพวกตนไม่เคยเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง เพราะน้ำขึ้นเร็วลงเร็วเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ท่วมขังเป็นเวลานาน แต่หลังจากขุดคลองแห่งนี้ยืดเยื้อไม่รู้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร พืชผลทางการเกษตรเสียหายจำนวนมาก
แกนนำชาวบ้านกล่าวต่อว่า ตอนนี้ที่เสียหายมากคือปาล์มน้ำมันของชาวบ้าน ที่มีรายละ 10 ไร่ 20 ไร่ รวมจำนวนนับร้อยไร่ ในพื้นที่ตำบลบางหมาก ตำบลทุ่งคา ซึ่งก่อนที่จะมีการขุดคลอง ชาวบ้านแต่ละคนเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มได้รอบละ 5-10 ตัน มีรายได้เดือนละกว่า 5 หมื่นบาทขึ้นไป ปัจจุบันเหลือไม่ถึงตัน เก็บได้เพียง 100 - 200 กิโลกรัมเท่านั้น รายได้เหลือแค่หลักพันบาท และตอนนี้ปาล์มก็เริ่มทยอยยืนต้นตายไปเรื่อยๆ จนบางสวนใกล้จะตายหมดแล้ว เนื่องจากปัญหาเกิดจากช่วงเวลาฝนตกน้ำหลาก และน้ำทะเลหนุนขึ้นสูง ทำให้มีปริมาณน้ำแช่ขังอยู่ในสวนเป็นเวลานาน ไม่สามารถระบายได้เร็วตามธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะคลองที่ขุดขึ้นใหม่และคันคลองที่ถมสูง จึงเป็นปัญหาสำหรับการระบายน้ำ ที่สำคัญไม่รู้ว่าการขุดคลองแห่งน้ำจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อไรอีกด้วย
“พวกตนเคยสอบถามไปที่กรมชลประทาน ก็ได้รับคำตอบว่ารองบประมาณ เมื่อร้องเรียนไปที่สำนักงานเกษตรเกี่ยวกับพืชผลการเกษตรเสียหาย ก็ได้รับคำตอบว่าต้องไปเรียกร้องกับกรมชลประทานเป็นผู้ทำให้เสียหาย เมื่อร้องเรียนไปที่ผู้ว่าฯชุมพร เมื่อลงมาตรวจสอบ ก็บอกว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ และล่าสุดได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยัง นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1 เพื่อนำเรื่องไปตั้งกระทู้สอบถามหน่วยงานเกี่ยวข้องในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ความเสียหายของพวกตนตอนนี้ไม่สามารถรอใครได้อีกแล้ว จึงต้องมาร้องเรียนสื่อมวลนำให้นำเสนอข่าวสะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้รัฐบาลรับรู้.” แกนนำชาวบ้านกล่าว