"แก๊งมิจฉาชีพ" เหิม! ปล้นบุญกฐิน ตีเนียนหลอกเจ้าอาวาสตุ๋นเงินนับแสน
27 ต.ค. 2567, 10:46
เมื่อวันที่ 27ตุลาคม 2567 พระครูกมล วัฒนาทร เจ้าคณะวัดป่าทองสมรและเจ้าคณะตำบลโพนเมืองน้อย อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า อาตมาได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญด้วย อาตมาได้จัดงานกฐินสามัคคีขึ้นที่วัดป่าทองสมรรัตนาราม อำเภอหัวตะพาน ในช่วงวันที่ 21-22ตุลาคม2567 ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเรียบร้อยแต่อยู่ๆหลังเสร็จงานกฐินก็มีคนโทรมาบอกว่ารู้จักอาตมาดีและหลอกลวงให้อาตมาโอนเงินให้
ชึ่ววันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. อาตมา ได้รับโทรศัพท์ อ้างตัวว่า เป็นอดีต สส. ชื่อดังท่านหนึ่ง ที่เคยช่วยเหลือวัดอาตมาแต่ก่อน พูดหว่านล้อมเล่าทรายภายหลังว่าเล่าความเท็จบอกว่ารู้จักกับอดีต นายทหาร ยศ พล.เอก ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ไว้ พร้อมคุณนาย (ขอสงวนนาม) มีความประสงค์จะถวายบ้านน๊อคดาว จำนวน 12 หลัง โต๊ะหมู่ชุดมุก 2ชุด รถยนต์เก่า แต่สภาพดีใช้งานได้จำนวน2คัน งาช้างเก่า 1 คู่ รถก๊อป 1 คัน โซฟาชุดหลุยรับแขก 2 ชุด เครื่องใช้สำงาน มีคอมพิวเตอร์ และเก้าอี้หุ้มหนังเทียมโคลงแสตนเลส 300 ตัว เนื่องจากขายที่ดินได้เงินหลายร้อยล้านบาท จึงจะบริจาคสิ่งของต่างๆเหล่านี้ให้กับวัดที่อาตมายังสร้างใหม่ไม่เสร็จและขาดแคลน อาตมาจึงไว้เนื้อเชื่อใจจากการพูดสนทนา และผู้โทรมาหา จึงบอกเบอร์โทรของคนที่เป็นหัวหน้างาน ให้อาตมาโทรไปหาถามรายละเอียดต่างๆ ว่าจะต้องดำเนินการขั้นตอนอย่างไรบ้าง
อาตมาพอได้เบอร์โทรจึงได้โทรกลับไปตามชื่อบุคคลดังกล่าว ที่ผู้แอบอ้างว่าเป็นอดีต สส. ให้มาบอกมาว่าจะต้องมีค่าใช้จ่าย คือ ค่าคนยกบ้านน๊อคดาว 12 หลัง หลังละ 4,000 บาท ให้อาตมาออกเงินไปก่อน แล้วคุณนายจะถวายคืนทีหลัง และยังบอกว่า วันที่ 31ตุลาคม 2567 นี้ ยังจะถวายเงินให้สร้างอุโสถก่อน 1 ล้าน พร้อมเพื่อน สส. 5 คนที่ไปด้วยอีก 5แสนบาท
และเวลา 10.00 น. คุณนาย พร้อม อดีต สส. จะเดินทางมาพบอาตมาที่วัดด้วยตนเองอาตมาจึงไว้ใจชื่อใจว่าเป็น ท่าน สส.ที่อาจมารู้จัก จึงได้เดินทางไปที่ร้านเชเว่น อำเภอหัวตะพาน ทั่มีตู้เอทีเอ็มโอนเงิน50,000ให้ไปเป็นดำเนินการ มาฉุกเอะใจคิดตอนโทรครั้งที่3.ว่าให้โอนให้อีก30,000บาทเป็น80,000บาท เพื่อเป็นค่าซื้อยางรถขอบ18 นิ้ว เสนอราคายางมา มีราคาจาก6500- 12000 บาท ต่อเส้นจำนวน4เส้นว่าจะเอาราคาไหน และหม้อแบตเตอรี่ ชนิด 4Kจำนวน 2 ลูก เป็นเงินทั้ง30,000 บาทรวมเงินที่โอนไปก่อนหน้านี้รวมเป็นเงิน80,000บาท
โดยอ้างชื่อ ท่าน สส. ดังกล่าว จึงทำให้อาตมาไว้ใจ โทรมาครั้งแรก อ้างเป็น สส. ว่าตอนนี้อยู่สนามบิน กำลังจะเดินทางไปประชุมกรรมาธิการที่หาดใหญ่ และกำลังจะขึ้นเครื่อง ให้อาตมาโทรมาที่ตัวละครที่2 ที่อยู่หน้างาน ที่รีสรอทขอนแกน ข้างสนามบินขอนแก่นชึ่งเป็นการลอกลวงอาตมาทั่งสิ้น ทำไหมต้องมาต้มมาตุ๋นอาตมาถึงปานนี้มันไม่ต่างกันเลยกับการปล้นเงินกฐินที่ประชาชนมาร่วมกันบริจาคเพื่อนก่อสร้างอุโบสถเช่นนี้เล่ามันบาปกรรมนะโยม บาปกรรมมันติดจรวดนะโยมทุกวันนี้ อาตมาขอบิณฑบาตรเถอะให้เอาเงินที่อาตมาโอนใหเมาคืนทางวัดเถอะกรรมจะได้เบาบางลงอาตมาจะไม่เอาเรื่องถือว่าอาตมาให้อภัยขอบิณฑบาตรเถอะแต่หากไม่นำเงินมาคืน โยมจะไม่เจริญบาปกรรมจะตามสนองโยมนะอาตมาขอบิณฑบาตรเถอะ และพรุ่งนี้อาตมาจะไปขอความเมตตาจากผู้การตำรวจจังหวัดอีกหนทางหนึ่งให้ท่านช่วยเหลืออีกทาง
ทางด้านนายจำรัส ไกยสิทธิ์ ทนายความชื่อดังจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้แต่งตั้งตนเป็นทนายให้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด
และกล่าวอีกว่าทางเจัาอาวาสวัดดังกล่าวได้แต่ตั้งตนทนายจำรัส ไกยสิทธิ์.เป็นทนายของวัดให้ติดตามคดีนี้และให้ดำเนินการคดีให้ถึงที่สุดตนรับปากว่าตนจะติดตามคดีนี้ให้สำเร็จให้ทางตำรวจเอาเงินกลับคืนมาให้ได้ ชึ่งเหตุ การณ์เช่นนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ แย่เอามากๆเป็นอุทาหรณ์
ให้วัดต่างระมัดระวัง การตุ๋นพระที่พึ่งทอดกฐินเสร็จใหม่ๆเช่นนี้ไม่แตกต่างกับ"การปล้นเอาเงิน กฐิน" ที่ญาติโยมมีจิตศรัทธาเลื่อมใส มาทำบุญ เพื่อ สมทบทุน สร้างอุโบสถ ของวัด ให้แล้วเสร็จ เป็นที่ปฏิบัติธรรม ของประชาชนชาวพุทธ ตนขอฝากเรื่องนี้ ไปถึงท่านนายกฯอิ๊งค์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้มีการคุมเข้ม ตามวัดต่างๆทั้ง40,000วัดทั่วประเทศไทยว่า ในช่วงเทศกาลงานกฐินปีนี้ ไม่ให้เกิด เหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้อีก เพราะทุกวันนี้ มีการหลอกลวงต้มตุ๋นตามวัดต่างๆ เกิดขึ้นบ่อยปานดอกเห็ดและ วัดนี้เป็นวัดที่2แล้วเท่าที่ตนทราบมาที่โดนแก๊งมิจฉาชีพใช้วิธีการต่างๆ นำมาใช่ต้มตุ๋นแบบผิดๆและสามารถ ต้มตุ๋นหลอกลวงตามวัดต่างๆที่จัดงานกฐินขึ้นได้อย่างง่ายดายขึ้น และตีเนียน เอาง่ายๆให้เจ้าอาวาสวัดกลวงเชื่อและโดยเฉพาะ ในช่วงนี้อยู่ในงานกฐิน ก็ฝากไปถึงวัดต่างๆ ถึงเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ให้ระมัดระวังอย่าไปหลงเชื่อ แก๊งมิจฉาชีพต่างๆ ที่จะมาใช้กลอุบาย ในการหลอกลวง เอาเงินเอาทองจากทางวัด โดยวิธีการต่างๆ ตนจะติดตามคดีนี้ให้ถึงที่สุด และตามเงินมาให้ได้ทุกบาททุกสตางค์ ชึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเงินของประชาชน ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทั้งสิ้นและอย่าลืมว่าบาปกรรมมีจริงให้โจรเหล่านี้นำเงินมาคืนทางวัดเพราะทางเจ้าอาวาตให้อภัยแล้วท่านมีความเมตตาจริงๆแต่หากยังไม่นำเงินมาคือตนเชื่อว่ากรรมจะติดจรวดถึงตายได้และตายไปก็จะตกนรกหมกไหม้ ไม่มีความสุขได้เลย