"ผบก.สุราษฎร์ฯ" ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ด่านตำรวจตรวจฉี่ม่วง ไม่เป็นธรรม
1 พ.ย. 2562, 07:57
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 31 ต.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งให้ พ.ต.อ.ณฐกรญ์ กาญจนาภรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และโฆษกประจำ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ติดตามผลการตรวจสอบรายละเอียดของเหตุการณ์ ที่มีผู้ร้องการตั้งด่านตรวจฉี่ อย่างไม่เป็นธรรมของสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
พ.ต.อ.ณฐกรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับตั้ง พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และให้รายงานผลการสอบสวนภายใน 3 วัน ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียหายได้ตรวจสอบผลการส่งปัสสาวะจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่มีสารเสพติด และได้นำผลตรวจเลือดจากทาง รพ.รามาธิบดี ที่ไปตรวจด้วยตัวเองก็ไม่พบสารตั้งต้นของยาเสพติด เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ เนื่องจากนายสมชัย หนูนวล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ที 1 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง นักธุรกิจขายส่งกล้วยหอมให้กับบริษัท และยังเป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และยังเป็นผู้รับเหมาไฟฟ้า พร้อมกับว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ นำหลักฐานผลตรวจเลือดจาก รพ.รามา ให้ผู้สื่อข่าวดู เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าในร่างกายไม่มีสารเสพติดใดๆ เพื่อสะท้อนถึงกรณีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจป้อมบึงขุนทะเล ที่ตั้งด่านแล้วเรียกตรวจปัสสาวะ ปรากฎว่าผลออกมาเป็นสีม่วงทั้งที่ไม่ได้เสพยาเสพติดแต่อย่างใด และจากการส่งปัสสาวะตรวจอย่างละเอียดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) ผลออกมาก็ไม่มีสารเสพติด วอนขอความเป็นธรรม และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และเตรียมฟ้องกลับ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 5 ต.ค.ที่บริเวณจุดตรวจบริเวณถนนเลี่ยงเมือง หมู่ที่ 3 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ตค ที่ผ่านมา นายสมชัย หนูนวล อายุ 38 ปี อยู่บ้านนเลขที่ 127 หมู่ที 1 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ประกอบอาชีพนักธุรกิจขายส่งกล้วยหอม เป็นอาจารย์พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา และยังเป็นผู้รับเหมาติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมกับว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ นำหลักฐานผลตรวจเลือดจาก รพ.รามา เข้าร้องเรียนสื่อ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าในร่างกายไม่มีสารเสพติดใดๆ เพื่อสะท้อนถึงกรณีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจป้อมบึงขุนทะเล เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่ตั้งด่านแล้วเรียกตรวจปัสสาวะ ปรากฎว่าผลออกมาเป็นสีม่วงทั้งที่ไม่ได้เสพยาเสพติดแต่อย่างใด และจากการส่งปัสสาวะตรวจอย่างละเอียดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) ผลออกมาก็ไม่มีสารเสพติด วอนขอความเป็นธรรม และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และเตรียมฟ้องกลับ
โดยนายสมชัย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.00 น.ของคืนวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะขับรถจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเดินทางกลับจังหวัดพัทลุง เมื่อมาถึงบริเวณถนนเลี่ยงเมือง หมู่ที่ 3 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พบว่ามีจุดตรวจ และได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เรียกให้ลงไปตรวจปัสสาวะ ก็ได้ให้ความร่วมมือได้นำปัสสาวะใส่แก้ว และเมื่อนำไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ได้ให้ไปนั่งรอและนำปัสสาวะไปตรวจโดยที่ตนเองไม่เห็นขั้นตอนการตรวจ ขณะที่ตัวเองกำลังเดินไปนั่ง และเจ้าหน้าที่ได้เดินถือแก้วปัสสาวะไปพร้อมตระโกนบอกว่า คืนนี้ไม่ได้กลับบ้านแน่ ต้องนอนโรงพัก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มาควบคุมตัวไปพร้อมกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวอีกสองคน ไปที่ป้อมบึงขุนทะเลเพื่อไปทำบันทึกจับกุม แต่ผู้ที่ควบคุมตัวอีกสองคนที่มาด้วยนั่งด้านนอก ส่วนตนเองเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวอยู่ภายในป้อม และเจ้าหน้าที่ได้นำบันทึกจับกุมมาให้ตนเองเซ็นรับสารภาพ แต่ตนเองไม่ยอมเซ็น แต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้บอกว่า ให้เซ็นไปก่อน เดี๋ยวเรื่องไม่จบ จึงได้จำใจเซ็นเพราะความกลัวและเป็นห่วงความปลอดภัยตัวเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ผลตรวจออกมาก็พบว่า มีสารเสพติดมากกว่า 1 พันนาโนกรัม ต่อ มิลลิกรัม ตนเองจึงได้ขอตรวจใหม่อีกครั้งที่โรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม ก่อนควบคุมตัวเข้าห้องขัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จึงได้ประสานญาติให้มาช่วยประกันตัว ในวงเงินประกันตัว 5 หมื่นบาท หลังได้ประกันตัว พ.ต.ท.มนต์ชัย แมนเมือง สารวัตร ได้ทำการสอบปากคำ แต่ตนเองได้ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ถามว่าไม่เชื่อผลทางวิทยาศาสตร์เหรอ ตนก็ตอบว่าเชื่อ แต่ไม่เชื่อว่าเป็นฉี่ของตน และได้ขอให้พนักงานสอบสวนตรวจปัสสาวะใหม่อีกครั้ง พนักงานสอบสวนจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมมาร่วมตรวจปัสสาวะใหม่ ต่อหน้าอีกครั้ง ปรากฎผลเบื้องต้น ไม่เจอสารเสพติดแต่อย่างใด จึงเกิดความขัดแย้งกับผลของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และได้นำปัสสาวะที่ตรวจใหม่ส่งตรวจ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 สุราษฎร์ธานี อย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนให้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งกว่าจะได้กลับออกจาก สภ.เมือง ใช้ระยะเวลาตั้งแต่ด่านตรวจจนออกจาก สภ.เมือง นานกว่า 5 ชั่วโมง เมื่อกลับถึงบ้านได้ตรวจเลือดของตัวเองอีกครั้ง ในวันที่ 8 ต.ค.62 ที่ห้องเล็บเทคนิคการแพทย์พัทลุง และส่งตรวจอย่างละเอียดที่ รพ.รามธิบดี ในวันที่ 9 ต.ค. เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เสพนาเสพติด ซึ่งในวันนี้ผลออกมาก็ไม่พบยาเสพติดในเลือดแต่อย่างใด และในวันนี้ได้เดินทางไปยังสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.มนต์ชัย แมนเมือง เจ้าของคดีเพื่อขอทราบผลตรวจปัสสาวะที่ได้ส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 ปรากฎว่าผลรับรองการตรวจ ก็ไม่พบว่ามีสารเสพติด และอยู่ในช่วงดำเนินการนำสำนวนให้หัวหน้าพนักงานสวบสวน หรือส่งให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ตนเองยืนยันว่าไม่เคยเสพยาเสพติด และจะดำเนินการฟ้องร้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะตนเองทำธุระกิจหลายอย่างแต่กลับต้องมาถูกกลั่นแกล้งจากทางเจ้าหน้าที่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ด้านว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ กล่าวว่าเบื้องต้นได้ตั้งข้อสงสัย คือน้ำที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ดื่ม ขั้นตอนการควบคุมตัว และการตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล ไม่น่าจะสามารถยืนยันผลอย่างละเอียดได้ เพราะหากเป็นการตรวจเบื้องต้น ผลต้องระบุว่าอาจมีสารเสพติด โดยต้องสอบถามทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ฯอีกครั้ง ซึ่งหากเป็นการตรวจเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมตัวเข้าห้องขังได้ และในวันนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปล่อยตัวและทำบันทึกระบุที่อยู่เพื่อออกหมายเรียก หากผลยืนยันอย่างละเอียดว่ามีสารเสพติด ซึ่งหลังจากนี้ต้องติดตามผลจากพนักงานสอบสวน ในการส่งสำนวนให้อัยการเพื่อดำเนินการไม่ฟ้องและส่งสำนวนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเซ็น ผู้ถูกกล่าวหาถึงจะพ้นมลทิน และเป็นผู้บริสุทธิ์จากนั้นถึงจะดำเนินการฟ้องร้องทั้งอาญาและแพ่ง โดยจะฟ้องแพ่งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฟ้องอาญาทุจริตกับทางเจ้าหน้าที่ชุดที่จับกุมต่อไป
ส่วนที่มีกระแสวิพากวิจารณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าหรือการตั้งจุดตรวจจุดสกัดนั้นเพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรมและยังช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุอีกทางหนึ่งด้วย ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เน้นย้ำและให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเคร่งคัด และเน้นย้ำในเรื่องการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน และให้ใช้วาจาที่สุภาพ และหลังจากนี้จะได้พิจารณาหรือทบทวนในเรื่องของการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนต่อไป