วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568)  เวลา 09.00 น. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลสนับสนุนการออมเงินเพื่อสร้างหลักประกันทางการเงิน ให้กับแรงงานนอกระบบ ผู้ที่ไม่มีระบบบำนาญรองรับ และผู้ที่ไม่มีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือประกันสังคม เพื่อมีเงินใช้จ่ายภายหลังเกษียณ โดยกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มช่องทางตรวจสอบสิทธิสมาชิก ผ่านระบบของ สปสช.ช่วยให้การตรวจสอบสิทธิ ในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากการออมเงินสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถรองรับจำนวนผู้ที่ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

สำหรับรายละเอียดการสมัครเป็นสมาชิก กอช. ต้องเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ นักเรียน นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไป ที่มีอายุตั้งแต่  15 – 60 ปี ซึ่งประโยชน์หลักในการออม สามารถเริ่มต้นส่งเงินออมขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี โดยไม่ต้องส่งเป็นประจำหรือเท่ากันทุกเดือน ทั้งนี้ สามารถนำเงินออม ไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทต่อปี และรัฐยังคุ้มครองผลตอบแทนการลงทุนเมื่ออายุครบ 60 ปี  สมาชิกยังคงได้รับสิทธิสวัสดิการอื่นๆ ของรัฐตามปกติ อาทิ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สิทธิบัตรทอง 30 บาท เป็นต้น 

“ทุกครั้งของการออม รัฐบาลจะช่วยสมทบเงินออมให้สูงสุด 100 % แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ตามช่วงอายุ ดังนี้ อายุ 15-30 ปี สมทบให้ร้อยละ 50 ของเงินออมในเดือนถัดไป แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี อายุ 31-50 ปี สมทบให้ร้อยละ 80 ของเงินออมในเดือนถัดไป แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี  อายุ 51-60 ปี สมทบให้ร้อยละ 100 ของเงินออมในเดือนถัดไป แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี”

“การสนับสนุนเงินออมจากภาครัฐ โดยการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กอช. และ สปสช. สามารถสร้างหลักประกันทางการเงิน ให้สามารถวางแผนทางการเงินในระยะยาว โดยประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิและสมัครสมาชิกได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งสามารถสมัครและส่งเงินออม ได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน กอช.  เป๋าตัง ทางรัฐ MyMo กรุงไทยเน็กซ์ ทรูมันนี่ เคพลัส เป๋าตัง ออมเพลิน หรือทางไลน์ @nsf.th และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนเงินออม 02 049 9000” นายคารม ระบุ