นานทีได้เห็น "ฮิวโก้ จุลจักร" ออกรายการ เปิดใจถึง "ฮาน่า" กว่าจะได้มาแต่งงานกัน
1 พ.ย. 2562, 14:20
ฮิวโก้ จุลจักร ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง one31 หลังหายหน้าไปนาน ไม่ออกรายการทอล์คโชว์ เผยจุดเริ่มต้นกว่าจะได้คบและใช้ชีวิตด้วยกัน
เส้นทางความรักกับพี่ฮาน่าเริ่มต้นได้ยังไง ?
ฮิวโก้ : "รู้จักกันตามกองถ่าย ร่วมงานกันแบบห่างๆ รู้จักกันไม่ได้สนิท เวลาผ่านไปหลายปีแล้วเราพลาดมาเจอกันอีกครั้ง ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าอย่างน้อยเราควรจะขอเบอร์ไว้ แล้วก็จีบๆ กันไปตามประสา ตอนนี้ก็ 14 ปี แต่งงานมา 10 ปี มีลูก 3 คน"
ตอนที่จีบใหม่ๆ รู้มั้ยว่าเขาจะเป็นแม่ของลูกเรา ?
ฮิวโก้ : "ผมไม่รู้ว่า รู้หรือไม่รู้ แต่ในที่สุดผมก็จับทำแม่เลย"
ตอนที่ขอเบอร์รู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ ?
ฮิวโก้ : "แน่นอน เราไม่ได้ขอเบอร์คนเยอะนะ เพราะมันเสี่ยงกับการโดนปฎิเสธ เพราะตอนนั้นผมก็เซอร์เลยป้ายคำว่าเซอร์ไปแล้ว ผมยาว หนวดเฟิ้มรุงรัง ยังร้องเพลงอยู่วงสิบล้อ ลุคมันก็เป็นอีกแบบนึง มันก็เลยไม่น่าไว้ใจเพราะถ้าเขาคบเราตอนนั้นได้ พอมาสะอาดสะอ้านขึ้นก็คงจะดี"
แล้วตอนนั้นขอเบอร์เขาให้เลยมั้ย ?
ฮิวโก้ : "เขาก็ต้องให้ เพราะเขาดันพูดปัดเราไปว่า "เออ ครั้งหน้าเดี๋ยวเราก็ต้องแฮ้งเอ้าท์กันนะ" พูดแบบตามมารยาทเขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ เราก็เลยบอกว่าเราจะแฮ้งเอ้าท์ได้ยังไงถ้ายังไม่มีเบอร์โทร"
งั้นตอนที่ต้องแยกกันตอนคุณไปทำเพลงที่อเมริกา 3 ปี?
ฮิวโก้ : "ตอนแรกไปอังกฤษ แล้วหลังจากนั้นไปนิวยอร์ก แล้วหลังจากนั้นเริ่มรู้สึกว่าถ้าเราจะอยู่ด้วยกันต้องแต่งงาน เพราะว่าการคบกันห่างๆ โอกาสรอดมันยาก แล้วผมรู้สึกว่าถ้าเรารู้ตัวว่าเราอยากได้ เราก็ต้องทำทุกทางที่จะรักษาไว้ นั่นคือเหตุหลักๆ ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้อง"
แต่ตอนนั้นมีช่วงเวลาพิสูจน์ใจในเรื่องของระยะห่าง สามปีที่ต้องการกันตอนนั้นไว้ใจเชื่อใจกันถึงขั้นพี่ฮาน่าบอกพี่ฮิวโก้ว่า คุณสามารถวันไนท์สแตนด์ได้?
ฮิวโก้ : "เขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่เคยเชื่อเลย"
ฮาน่า : "เขาคิดว่าเราขู่เขามากกว่า แต่จริงๆ เรารู้จักเพื่อนผู้ชายเยอะก็รู้ว่าอาจจะมีเวลาเหงา เศร้า เจอสาวๆ เข้ามายุ่งอะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นเพื่อนมันจะสานต่อยาวไกลได้ แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไรถ้าฉันทำได้ เธอก็ทำได้เหมือนกัน ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นจบ เขาคงคิดว่าเราลองใจเขา เขาลองใจเรา"
คำว่า วันไนท์สแตนด์ สำหรับผู้หญิงพูดไปถ้าเขาทำจริงๆ เราจะรู้สึกยังไง?
ฮาน่า : "ถ้าเขาทำจริงๆ เราไม่รู้หรอก เขาไม่บอก แต่ว่าสิ่งที่เราคบกับเพื่อนผู้ชายเหมือนกะเทยที่แมนมากไปแล้ว ไม่มีความเป็นผู้หญิง จนรู้สึกว่าผู้ชายมันจะมีอะไร แต่เรามองสามีเราตอนนั้นเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้ยังไง ถ้าจะเป็นระยะทางทำให้เราจากกันไหม หรืออะไรยังไง แต่มันก็พิสูจน์ว่า 4 ปีแล้ว มันต้องอยู่ด้วยกัน แล้วเรา ยังซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน เรายังโหยหาซึ่งกันและกันอยู่ มันก็เลยมีวันนี้ 14 ปี"
พี่ฮิวโก้กลัวอย่างนั้นจริงไหม ถ้าเราทำขึ้นมาพี่ฮาน่าจะทำกลับ?
ฮิวโก้ : "เขาก็มีสิทธิ์ โดยรวมแล้ว ผมว่าในเมืองไทยอาจจะดูถูกนิสัยและสันดานผู้ชายมากจนเกินไป เพราะว่าคนส่วนมากที่ผมรู้จักที่แต่งงานหรือมีคู่ มีอะไร ส่วนมาก 80% เขาก็คิด แล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนผม ผมไม่ได้แปลกประหลาดอะไรเลย แล้วบางทีผมว่าการเอา การไม่เจ้าชู้ ไปยกย่อง หรือมาฮือฮากับมัน ผมว่าเรากำลังตั้งมาตรฐานการประพฤติต่ำเกินไป เพราะว่ามันคือมาตรฐานขั้นต่ำ มันไม่ได้เป็นความบุญมันแค่ไร้บาปเฉยๆ มันคือศูนย์ ผมว่าคุณควรจะใจเย็นๆ นิดหนึ่งกับประเด็นนี้"
มีคนเข้ามาหาพี่บ้างไหม?
ฮิวโก้ : "ในเมืองไทยไม่ค่อยมี เพราะว่าคนส่วนมากก็รู้สถานะผมว่าผมแต่งงานแล้ว จะไม่ค่อยเจอใครล้ำเส้นเลย แต่ในเมืองนอกเขาไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ในช่วงเวลาที่ผมไป แล้วมันก็มีครั้งสองครั้งเองที่รู้สึกว่ามีโอกาสถึงขั้นที่เราต้องหลีกเลี่ยงหลบ มันก็มีบ้างที่เข้ามาหา แค่เขาเห็นแหวนก็โอเคแล้ว มันมีแค่คนเดียวเองที่เห็นแหวนแล้วไง ถามว่าสวยไหมก็โอเค แต่มันก็ไม่เกี่ยวแล้วความสวย ถ้าไม่มีแฟนเราก็ยังไม่รู้เลยว่าอย่าไปมีอะไรกับคนที่ไม่รู้จักเราอาจจะถือตัวก็ได้"
หลังจากแต่งงานแล้วความหวานลดลงไหม?
ฮิวโก้ : "ไม่ เพราะความหวานมันไม่มีตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยมีมันอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ"
ฮาน่า : "เขาไม่ได้หวาน เราจะแบบพูดกันตรงตรงมากกว่า แต่จะมีความรู้สึกว่ารักทุกวัน เราจะต้องมีการคิสก่อนจะออกจากบ้าน วันไหนที่ลืมคิสเขา เขาโทร.เช็กเลย ทำไมออกไปไหน ทำไมไม่มาร่ำลากัน ไม่ได้ อันนี้คือความหวานที่มีให้ทุกวันตั้งแต่คบกัน จนถึงทุกวันนี้"
เมื่อกี้พี่ฮิวโก้ยังบอกเลยว่าวันไหนถ้าไม่คิสพี่ฮิวโก้รู้สึกยังไง?
ฮิวโก้ : "มันแค่ทักกัน คือเรื่องพวกนี้มันต้องรักษา ไอคำว่าความรักเนี่ยบางทีคนอาจจะไปหมกมุ่นอยู่กับรัก แต่มันมีเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญด้วย ความไว้วางใจอย่าว่าแต่ผัวเมีย เพื่อน หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมันเป็นสิ่งที่น่ารักษา มันเป็นประโยชน์ มันมีคุณค่า ความไว้วางใจการหักห้ามตัวเองจากสิ่งที่มันไม่ดี นอกจากดีกับเขา มันก็กีกับเราด้วย มันไม่ใช่แค่เรื่องความรัก"
"บางทีคนอาจจะให้ความสำคัญกับความรักมากเกินไปว่าเป็นสิ่งที่ถ้ารักยังไงเราก็ทำตัวดีไม่มันต้องมีเรื่องอื่นๆ ด้วย มันต้องชอบ มันต้องเห็นใจ มันต้องเคารพ ความรู้สึกอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ทำให้เราทำตัว ซึ่งผมบอกว่ามันปกติ นี่คือสิ่งที่ผมทำคือปกติสุดแล้วผมก็แอบแปลกใจว่ามันเป็นประเด็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง"
พี่บอกว่าความหวานมีให้กันตลอดแล้วมุมทะเลาะมันมีด้วยเหรอ?
ฮิวโก้ : "ก็ต้องมีสิคนเราอยู่ด้วยกันทุกวัน เห็นตรงกันทุกอย่างมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเราแตกต่างกันมากแต่มันไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญมันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ"
คู่ของเรามีคำว่าเบื่อกันบ้างไหม?
ฮิวโก้ : "ถ้ามองคู่รักเหมือนสิ่งของก็คงเบื่อ ถ้ามองผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นสิ่งประดับ ที่ไม่ได้เป็นมนุษย์อีกคนหนึ่งแน่นอนก็เบื่อได้ เพราะเราเบื่อสิ่งของได้มันเป็นเรื่องปกติ ก็อย่ามองอย่างนั้น ต้องคิดซะว่าเราเป็นองค์กร เป็นพาร์ทเนอร์เป็นทีมมากกว่า ไม่มีสิทธิ์เบื่อ มันเหมือนเบื่อประเทศ"
"มันย้ายไม่ได้นี่คือประเทศเรา เราก็ต้องอยู่ มันมีบางอย่างที่ต้องยอม ห้ามเบื่อ คุณต้องไม่อนุญาตให้อารมณ์เหล่านี้เข้ามามีบทบาทในชีวิต ชีวิตมันต้องบังคับ มันไม่ใช่ปล่อยตามอารมณ์ที่รู้สึกยังไงก็ต้องได้อย่างนั้น เราต่างคนต้องปรับตัวเข้าหากัน มันไม่ใช่ผมฝ่ายเดียว"
แล้วบทบาทของความเป็นพ่อ ตอนแรกผู้ชายคนนี้บอกว่าไม่อยากมีลูก?
ฮิวโก้ : "เราอยากเที่ยวกันสนุก 2 คน เที่ยวทั่วโลก ทำงาน ทำการ เพราะเราทั้งสองคนเป็นคนที่อินกับงานไม่ได้อยากอยู่เฉยๆ ผมก็ชอบเดินทางไปเล่นดนตรี เขาก็มีธุรกิจ มันไม่ได้ต้องการตรงนั้นอยู่แล้ว แต่พอแต่งงานแล้วมีลูกคนแรกมันก็เข้าระบบครอบครัว จะมีอีกคน อีกสามคนมันก็คือโลกเดียวกันแล้ว มันไม่ประหลาด แต่คนแรกจะเป็นภูเขา วิวที่ตกใจสุด โอ้โห...แต่หลังจากนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ"
มีทะเลาะกันเรื่องการดูแลลูกบ้างไหม?
ฮิวโก้ : "ไม่เท่าไหร่ เราจะทะเลาะกันเรื่องไร้สาระกว่านั้น"
แล้วลูกอีกคนที่เราอุปการะมา นั่นก็คือ น้องนาดา ได้มีการตกลงคุยกันก่อนไหม?
ฮิวโก้ : "มันไม่มีอะไรให้ตกลง"
แล้วทำไมไม่อยากให้ลูกเข้าวงการ?
ฮิวโก้ : "คือสมมติว่าผมเป็นนักบิน ถ้าผมเป็นคนขับสิบล้อ ผมเป็นทนาย คงไม่มีใครมาถามว่าทำไมไม่อยากให้ลูกเป็นนักบิน ณ ตอนนี้ ทำไมไม่อยากให้ลูกเป็นทนาย หรืออยากให้เป็นยามหรืออยากให้เป็นตากล้องหรืออะไรก็ตาม คือมันเป็นอาชีพผม ในเมื่อผมมีโอกาสที่ไม่ต้องอาศัย ผมก็อยากให้ลูกได้เรียน ได้เป็นเด็กไป โตขึ้นอยากเป็นอะไรก็เชิญ"
3 คนว่าไง?
ฮิวโก้ : "เขาจะมองยังไงก็ตาม เขาเป็นเด็ก เขาไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งสิ้น เราเป็นพ่อ แม่เขา เดี๋ยว 18 อยากจะทำอะไรก็เชิญ อยากจะไปเป็นทหาร เป็นนักบิน เป็นอะไรก็เป็นไป แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในบ้านเรา แล้วทั้งพ่อทั้งแม่ มีงานทำก็ไม่จำเป็น นี่ไม่ได้เป็นการพาดพิงถึงคนอื่นที่เอาลูกเข้าวงการ ผมเองแค่ไม่สะดวก ไม่ถนัดที่จะให้ลูกต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงาน มันไม่จำเป็นสำหรับผม แล้วโลกนี้มันมีอะไรอีกเยอะ เราก็อยู่วงการบันเทิงก็อยากจะเห็นเขาทำอะไรที่ฉีกไปจากเรา ไปทำอย่างอื่นบ้างเถอะโลกมันมีอะไรอีกเยอะให้ศึกษา ค้นหา
สมมุติว่าลูกยังไม่ถึง 18 แล้วพี่ฮาน่าเดินมาบอกว่าลูกอยากเข้าวงการ เปิดโอกาสไหม?
ฮิวโก้ : "ไม่จำเป็น แต่ส่งไปเรียนโรงเรียนดีๆ แล้วไปส่งทุกวันผมก็เปิดโอกาสให้เขามีสิทธิ์เติบโตมากกว่านี้ ผมในฐานะที่อยู่วงการบันเทิง ผมรู้ว่ากับดักของวงการบันเทิงมันมีอะไรบ้าง แล้วไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้น หรือมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น มันไม่ใช่ แต่มันมีโอกาส แล้วหน้าที่เราก็คือปกป้อง มันมีชีวิตหลังจากนั้นที่จะเข้าวงการ ที่จะหลงทาง ที่จะไปอะไร ความดังเนี่ยมันไม่ได้เป็นอะไรผมแนะนำนะสำหรับสุขภาพจิตที่ดีลองใช้ชีวิตแบบไม่ดังมันอาจจะดีก็ได้
ก่อนหน้านี้ลูกๆ เข้าใจผิดอยู่ช่วงนึงบ้านเราไม่มีตังเหรอพ่อ?
ฮิวโก้ : "ไม่หรอกมั้ง เขาคงไปบ้านเพื่อนที่อลังการกว่าบ้านเราแค่นั้นเอง"
ภาพ :hanahugo