นายกรัฐมนตรี หารือ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กระชับความร่วมมือทางการค้าในทุกมิติ รับความท้าทายการค้าโลกปัจจุบัน
11 เม.ย. 2568, 13:06

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568) เวลา 11.10 น. ณ ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทางโทรศัพท์กับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เกี่ยวกับความท้าทายของระบบการค้าโลก และแนวทางการรับมือกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้หารือนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ อีกครั้ง ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย เมื่อ 28 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณไทยที่มีบทบาทนำและเป็นตัวกลางในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเมียนมาด้วย
นายกรัฐมนตรีไทยและนิวซีแลนด์ยังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับมือความท้าทายระบบการค้าโลกปัจจุบัน ซึ่งผู้นำทั้งสองเห็นว่า เป็นโอกาสดีที่สองประเทศได้หารือเพื่อเร่งกระชับความร่วมมือระหว่างกัน แม้ว่าขณะนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการ 90-day pause สำหรับ reciprocal tariffs แต่มีมาตรการภาษีต่อทุกประเทศในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนสำหรับทุกประเทศ
ในส่วนของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้ติดตาม ประเมินสถานการณ์และผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยได้แจ้งสหรัฐฯ แล้วว่า ไทยพร้อมที่จะหารือ เพื่อเพิ่มการค้าที่สมดุลมากขึ้น ควบคู่กับการบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคส่วนต่าง ๆ โดยคณะทำงานได้มีการปรึกษาหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า นิวซีแลนด์เองถูกกล่าวหาว่า เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯที่ร้อยละ 20 แม้ว่าแท้จริงแล้ว อัตราภาษีศุลกากรของนิวซีแลนด์จะอยู่ที่ร้อยละ 1.9 เท่านั้น
ซึ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างกังวลถึงการนำไปสงครามการค้าที่รุนแรง และภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองยังได้หารือแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อรับมือกับมาตรการ โดยเสนอให้ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ภายใต้กลไกที่มีอยู่แล้วในทั้งกรอบทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงในกรอบอาเซียน ทั้งความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Agreement: AANZFTA) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งกลไกเหล่านี้ได้ทวีความสำคัญและมีบทบาทมากขึ้น ในการรับแรงกระแทกจากสถานการณ์การค้าโลก
โอกาสนี้ ผู้นำนิวซีแลนด์กล่าวถึงความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และเห็นว่า น่าจะเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณที่นิวซีแลนด์ ที่เห็นความสำคัญในการเป็นพันธมิตรกับไทยในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก และยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกันภายในปี พ.ศ. 2569