วันนี้ ( 5 พ.ย.62 ) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลและเข้าร่วมประชุมสุดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยนายกรัฐมนตรี นำนายหลี่ เค่อเฉียง ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนที่จะหารือข้อราชการและเป็นสักขีพยาน ลงนามข้อตกลงความเข้าใจต่างๆ เช่น การค้าอิเล็กโทรนิค วิทยาศาสตร์ และนวัฒกรรม การแลกเปลี่ยนด้านสื่อสารมวลชน และโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ทั้งสองเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือ 3 ฉบับ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนสถานการณ์ในภูมิภาคและในโลก โดยเห็นตรงกันที่จะส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างยุทธศาสตร์และกรอบความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บท ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (MPAC 2025) และ ACMECS เป็นต้น กับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน ซึ่งก็คล้องกับยุทธศาสตร์ที่ไทยเสนอ ความเชื่อมระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของไทยกับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง –มาเก๊า – ฮ่องกง หรือ GBA ของจีนผ่านโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกหารือระดับสูงระหว่างกันเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี เชิญชวนให้จีนขยายการลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ก็ได้ฝากให้นายกรัฐมนตรีของจีน ช่วยดูแลภาคเอกชนไทย ที่ลงทุนในจีนและดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา นอกจากนี้ ได้ย้ำความตั้งใจของรัฐบาลไทยที่จะปรับปรุงมาตรฐานการให้ความคุ้มครองและดูแลนักท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเมืองอัจฉริยะ เพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ในด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันให้ส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และจะสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ในการการลงนามความตกลงต่างๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย สะท้อนถึงพัฒนาการของความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย - จีน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ ประชาชนและภูมิภาคโดยรวม พร้อมกันนี้ผู้นำทั้งสอง เห็นพ้องจะเร่งรัดความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน ให้ไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

ขณะที่ นายกรัฐมนตรีของจีน กล่าวเห็นพ้องร่วมกันว่า จะต้องส่งเสริมความร่วมไว้เนื้อเชื่อใจด้านการเมืองและผลักดันความร่วมมือที่เป็นรูปประธรรมในทุกๆ ด้าน เช่น การค้าข้าว ดิจิทัล economy อีคอมเมอร์ส การสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งทั้งหมด จีนมีศักยภาพที่รอการบุกเบิกพัฒนาได้อีกมาก เหมือนกับเรือใหญ่ที่วิ่งไกลวิ่งเร็ว วิ่งอย่างมั่นคง เหมือนเรือหางยาวของไทย ที่จะเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้นต่อไป

โอกาสนี้ นายหลี่ เค่อเฉียง แสดงความยินดีที่ไทย ประสบความสำเร็จในการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมอาเซป เมื่อวานนี้(4 พ.ย.) ผู้นำทั้ง 15 ประเทศ ได้ประกาศเสร็จสิ้นการเจรจาตามข้อตกลงของอาเซป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคนี้มีประชากรมากที่สุด มีโครงสร้างเศรษฐกิจที่หลากหลายที่สุด มีศักยภาพในการพัฒนามากที่สุด ได้สร้างเขตการค้าเสรี เอเชียตะวันออกให้ประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าใหม่ๆ ซึ่งต่อไปพวกเราก็จะมุ่งหน้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอยู่ก็สามารถเผชิญแรงกดดันต่างๆ และรักษาความมั่นคงของการพัฒนาภูมิภาคนี้ ตลอดจนยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดีขึ้น