จากนั้น ชาวบ้านก็รวมเงินกันซื้อ คนละ 2 กระสอบบ้าง 1 กระสอบบ้าง เพื่อให้ได้ส่วนลด โดยมีชาวบ้านหลงเชื่อซื้อประมาณ 7 คน รวม 11 กระสอบ เพราะเห็นว่าราคาถูกกว่าท้องตลาดที่ปกติกระสอบละ 45 กิโลกรัม ราคาก็จะประมาณ 1 พันกว่าบาท อีกทั้งคนขายบอกว่า ทำงานอยู่ที่โรงสีไฟคูเป็งเส็ง อ.ปราสาท จึงเชื่อสนิทใจว่าเป็นข้าวมาจากโรงสี หรืออาจจะเป็นข้าวเก่าที่เขาโละขายราคาถูก จึงพากันซื้อ จากนั้นก็นำไปหุง กลับพบว่าข้าวที่สุกกลับแข็ง กินไม่นุ่มเหมือนข้าวหอมมะลิทั่วไป คาดว่าน่าจะเป็นข้าวเสาไห้ ที่ขายในท้องตลาดราคากิโลกรัมละ 15-16 บาท จึงเชื่อว่าชาวบ้านถูกหลอกขาย พอไปดูตราในกระสอบ ก็ไม่พบชื่อที่มาและเบอร์โทรของโรงสี ซึ่งปกติแล้วจะมีชื่อโรงสีและเบอร์โทรพิมพ์ที่กระสอบ จึงเป็นไปได้ว่า อาจจะซื้อกระสอบมาบรรจุเอง หรือไม่ก็สั่งพิมพ์กกระสอบเองว่าเป็นข้าวหอมมะลิคัดพิเศษ แล้วนำมาปลอมปน บรรจุข้าวเสาไห้หลอกขายแทน นอกจากนี้พอนำข้าวสารไปชั่งดูกลับมีน้ำหนักแค่ 30 กิโลกรัม ไม่ใช่ 45 กิโลกรัมอีกด้วย ชาวบ้านจึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าว จะได้ให้ชาวบ้านคนอื่นทราบ และระวัง อย่าหลงเชื่อกลุ่มแก๊งค์ที่มาเร่ขายข้าวในลักษณะนี้อีก

 

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.ปราสาท เปิดเผยว่า ตนเองทราบเรื่องแล้ว แต่ยังไม่มีประชาชนผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ ก็ขอฝากถึงผู้เสียหายด้วย ให้เข้ามาแจ้งความด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุม แก็งค์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ จนท.ตำรวจชุดสายสืบ ลงพื้นที่ออกสอบสวนหาข่าวแล้ว

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แก๊งหลอกขายข้าวสารดังกล่าว ได้เดินสายเร่ขายมาแล้วในหลายพื้นที่ของ จ.สุรินทร์ และมีประชาชนหลงเชื่อซื้อข้าวสารไปแล้วจำนวนหลายราย