นายประจักษ์ โพธิพล ผู้นำจับกระทงลายการ์ตูนดังของเด็กสาวอายุ 15 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา ออกมาชี้แจงหลังตกเป็นข่าวในลักษณะเป็นแก๊งล่อซื้อ จับลิขสิทธิ์เพื่อหวังรีดทรัพย์ โดยเขานำหลักฐานและเอกสารออกมาชี้แจง ระบุว่า ตัวเองเป็นพนักงานฝ่ายปราบปรามของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับมอบอำนาจปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์จากบริษัท พอส์อิงค์ จำกัด และบริษัท ซาน-เอ็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นโดยตรง

นายประจักษ์ ระบุว่า ทีมงานของเขาพบว่ามีเฟซบุ๊กหนึ่งโพสต์ขายกระทงลายการ์ตูนลิขสิทธิ์ของบริษัทมาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงได้ติดตามพฤติกรรมมาตลอด โดยขณะนั้นไม่รู้ว่าเจ้าของเฟซบุ๊กเป็นเด็กสาวอายุ 15 ปี ต่อมาจึงมีการสั่งซื้อตามรูปแบบที่โพสต์ และรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความในวันที่ 3 พฤศจิกายน จากนั้นจึงมีการนำจับ โดยมีตัวเองในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ และตำรวจอีก 4 นาย ยศรองสารวัตรปราบปราม 1 นาย และดาบตำรวจอีก 3 นาย แสดงตัวจับและตรวจยึดกระทงของกลาง 

ต่อมา พ่อกับแม่ของเด็กสาวมาขอไกล่เกลี่ย จึงพากันไปที่สถานีตำรวจ อีกฝ่ายได้ชดใช้ค่าเสียหาย ตัวเองเห็นเป็นเด็กจึงได้ตกลงรับค่าเสียหายที่แม่ของเด็กสาวเสนอให้ 5,000 บาท ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างนำส่งบริษัท จากนั้นได้ทำบันทึกถอนแจ้งความ ซึ่งเงินส่วนนี้บริษัทในฐานะผู้เสียหายที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ทำซ้ำดัดแปลงสามารถเรียกร้องได้

 

เมื่อถามว่ามีการเรียกเงิน 50,000 บาท จริงหรือไม่ นายประจักษ์ บอกว่า ไม่มีการเรียกเงินจำนวนนี้ เพียงแค่เป็นการอธิบายโทษปรับของการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งตัวเองก็ทำงานในลักษณะนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว ยอมรับว่าได้รับเงินส่วนแบ่ง เป็นลักษณะรางวัลนำจับจริง แต่ก็ทำงานเป็นพนักงานภายใต้บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจในการปราบปรามจากบริษัทในญี่ปุ่น สามารถดำเนินการนำจับและเจรจาค่าเสียหายได้ จนถึงกระบวนการฟ้องร้อง ไม่ใช่ลักษณะซื้อใบมอบอำนาจลิขสิทธิ์มาดำเนินการเอง ส่วนกรณี นายนัน กิ่งเพชร ที่เด็กสาวบอกว่าเป็นคนล่อซื้อ ยอมรับว่าไม่ใช่พนักงานในบริษัทเดียวกัน แต่อ้างว่า นายนัน ก็ทำงานในลักษณะปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ของอีกบริษัท และจะมีการส่งต่อข้อมูลกันมาโดยตลอดหากพบการกระทำผิด ถือเป็นคนในสายงานเดียวกัน

 

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ บริษัท ที.เอ.ซี คอมซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัท ซาน-เอ็กซ์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำหนังสือชี้แจงว่า ไม่มีการมอบหมายให้ผู้ใดจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย ยืนยันว่าบริษัทดังกล่าวได้รับมอบลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ส่วนบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ได้รับมอบอำนาจในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นคนละส่วนงานกัน

นายประจักษ์ ระบุว่า ขณะนี้เขาอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี และยืนยันความบริสุทธิ์ หลังทราบว่าตัวเองถูกแจ้งความ และอาจเตรียมฟ้องกลับทางคู่กรณี รวมถึงโซเชียลที่มีการนำภาพและข้อมูลส่วนตัวมาเผยแพร่ ระบุเป็นแก๊งรีดทรัพย์ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง