โฆษกทัพภาค 4 ยัน ไม่ได้ประกาศเคอร์ฟิวพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ขอปชช.ร่วมเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสจนท.
8 พ.ย. 2562, 15:56
วันนี้ ( 8 พ.ย.62 ) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาค 4 เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่าง ๆ ว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วพื้นที่ เพื่อตามล่ากลุ่มโจร BRN ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญสังหารหมู่ประชาชน 15 ศพ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวดังกล่าวอาจสร้างความสับสน และความตื่นตระหนกแก่พี่น้องประชาชน โดยภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้บูรณาการกำลังเข้าบังคับใช้กฏหมายขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยปัจจุบันหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถระบุกลุ่ม และตัวบุคคลที่ร่วมก่อเหตุได้แล้วจำนวนหนึ่ง
ขณะนี้ อยู่ระหว่างเข้ากดดัน และติดตามจับกุมในพื้นที่ต้องสงสัยในหมู่บ้านให้การสนับสนุน พื้นที่ป่าภูเขานางจันทร์ ช่วงรอยต่อจังหวัดสงขลา และบ้านเครือญาติ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้ 1 ราย เป็นราษฎรพื้นที่ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดที่คนร้ายก่อเหตุวางระเบิด โปรยตะปูเรือใบและเผายางรถยนต์เพื่อสกัดกั้นการเข้าช่วยเหลือ พร้อมยึดของกลางได้หลายรายการ ขณะที่หลบหนีไปซ่อนตัวที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา อยู่ระหว่างการซักถามเพื่อขยายเครือข่ายก่อเหตุที่หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี
"กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยืนยันว่า จะใช้มาตรการทางกฏหมายภายใต้อำนาจที่มีอยู่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ปัจจุบันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภายใต้อำนาจทางกฏหมายที่มีอยู่ไม่ได้ถูกจำกัดโดยบุคคล หรือกลุ่มบุคคลจึงไม่มีเหตุผล และความจำเป็นอันใดที่จะต้องประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันตรวจสอบ และแจ้งเบาะแสกลุ่มคนร้ายให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อเข้าดำเนินการตามกฏหมายต่อไป สำหรับบุคลคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือให้ที่พักพิง มีความผิดตามกฏหมายในอัตราเดียวกับฐานความผิดของผู้ก่อเหตุรุนแรง"
โฆษกกองทัพภาค 4 ยังกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ปรับแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ทหารเข้าเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และชุมชนให้รัดกุมมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เป็นเพียงประชาชนจิตอาสา ที่เสียสละและอุทิศตน เข้ามาช่วยกันดูแลความปลอดภัยชุมชนของตนเอง ไม่ใช่เป็นกองกำลังติดอาวุธฝ่ายพลเรือนดังที่องค์กรแนวร่วมและกลุ่มเปอร์มาส นำมาบิดเบือนเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการ BRN ดังที่ปรากฏให้เห็นในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ในส่วนของปลอกกระสุนปืน เบื้องต้นเป็นกระสุนของปืนเอ็ม 16 และอาก้า มีมากกว่า 100 ปลอก ซึ่งจากการตรวจสอบผลปืนเบื้องต้น พบว่าสามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่หลายเหตุการณ์ เช่น ปล้นร้านทอง ที่อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ปล้นเต็นท์รถยนต์ ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เหตุยิงสถานีตำรวจภูธรนาประดู่ จังหวัดปัตตานี เหตุปล้นตู้ ATM ที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาตอนี อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมาดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับได้ 21 คน เป็นทีมของตระกูล "หลำโซ๊ะ" ที่เป็นแกนนำปฎิบัติการร่วมกับแกนนำก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องสงสัยที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 1 ราย ขณะนี้ อยู่ในกระบวนการซักถามของเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้