เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



5 สมุนแก๊งยาบ้า หนีสุดขีด 200 KM/H จนมุมพร้อมของกลาง 5 ล้านเม็ด (มีคลิป)


13 พ.ย. 2562, 20:53



5 สมุนแก๊งยาบ้า หนีสุดขีด 200 KM/H จนมุมพร้อมของกลาง 5 ล้านเม็ด (มีคลิป)




     วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562  เวลา 17.00 น. บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(บก.ภ.จว.ฯ)  พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4(ผบช.ภ.4) นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ต.สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210(มทบ.210) พล.ต.ประสิทธิ์ ทิศาวงศ์ ผู้บัญชาการควบคุม ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาค 2(ผบ.บก.ควบคุม ศป.ปส.ทภ.2) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ศอ.ปส.ชอน.) พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(ผบก.ภ.จว.ฯ) พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผกก.สืบสวนฯ ภาค 4 พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิตธิโชติ ผกก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.ตม.นครพนม พ.อ.สุภัทร ชูตินันทน์ ผบ.ฉก.ทพ.21 พ.ต.ท.ทวี สารกาล ผบ.ร้อย ตชด.236 และ พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย ผบ.ตชด.237 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน และตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 5,000,000 เม็ด และรถยนต์ยี่ห้อ isuzu รุ่น mu-x สีเทา ทะเบียน 4 กค-7927 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA  รุ่น REVO สีบรอนซ์เทา ยกสูง ทะเบียน ก-5548 สุราษฎร์ธานี(ป้ายแดง) โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง

     สืบเนื่องจากวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 เจ้าหน้าที่สืบสวนฯภาค 4 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ระหว่างรอยต่อตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง กับ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จึงประสานกับหน่วยงานความมั่นคงทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันวางแผน ติดตาม และวางกำลังตามจุดที่คาดว่าคนร้ายจะลำเลียงยาเสพติดผ่านเส้นทางต้องสงสัย  ซึ่งการทำงานเป็นด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ริมแม่น้ำโขงได้มากนัก เนื่องจากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ได้ว่าจ้างคนในพื้นที่เป็นหูตาให้ จึงใช้วิธีปลอมตัวแฝงเข้ามาในรูปแบบกลมกลืนกับคนในพื้นที่

     กระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. สายสืบที่ปลอมตัวอยู่ริมแม่น้ำโขง แจ้งว่าคนร้ายลำเลียงยาเสพติดขึ้นฝั่งที่ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน โดยมีรถต้องสงสัยจำนวน 3 คัน แต่ยาเสพติดอยู่ในรถยนต์อีซูซุ ส่วนรถยนต์อีก 2 คัน นั้น คันหน้าเป็นรถกรุยทางวิ่งนำหน้า เพื่อแจ้งให้คันที่อยู่ข้างหลังทราบว่าเบื้องหน้าสะดวกหรือไม่ ส่วนคันที่สองเป็นรถใหม่ป้ายแดงใช้ในการควบคุมสั่งการ โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 1 กิโลเมตร ชุดปฏิบัติการจึงวางกำลังดักรอที่บ้านนาพระชัย ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง โดยเบื้องต้นคนร้ายใช้ถนนสายรองบ้านนาข่า-คำพอก เพื่อออกสู่ถนนทางหลวงแผ่นดิน 212(บ้านแพง-นครพนม) และตัดเข้าถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 2309(นาพระชัย-ศรีสงคราม) เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณขอตรวจค้น แต่ขบวนการค้ายาเสพติดกลับเร่งเครื่องขับหลบหนี ชุดปฏิบัติการไล่กวดจนเข็มไมค์ขึ้น 150 KM/H ก็ยังตามไม่ทัน คาดว่าคนร้ายใช้ความเร็วไม่น้อยกว่า 200 กม.ชม.

     เจ้าหน้าที่จึงแจ้งกองกำลังทราบและตั้งจุดสกัดรถยนต์ทั้ง 3 คัน แต่รถยนต์คันแรกที่ขับนำหน้ารีบฉีกหนีไป ทิ้งให้สองคันหลังหาวิธีหลบหนีกันเอง  กระทั่งมาถึงทางโค้งหักศอกหน้าสำนักงานทางหลวงชนบท ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม เป็นช่วงที่เกษตรกรขับรถขนข้าวที่เก็บเกี่ยวกลับบ้านพอดี ทำให้คนร้ายใช้ความเร็วไม่ได้ ชุดไล่ล่าจึงสบโอกาสขับรถขวางหน้า จึงสยบรถคนร้ายได้ทั้งสองคัน

     จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปสอบสวนตรวจนับของกลาง ภายในรถยนต์อีซูซุ ทราบต่อมาว่ามีนายเรืองฤทธิ์ สาที อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 3 ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน เป็นคนขับ และมีนายเสมียน ติสจันทร์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 117/5 หมู่ 1 ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน เป็นผู้นั่งโดยสารมาที่เบาะด้านซ้าย ตรวจค้นภายในรถ พบถุงกระสอบห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำมัดปากถุง จำนวน 25 กระสอบ ข้างในเป็นห่อยาบ้าสีเหลืองประทับตรา 999 กระสอบละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 5,000,000 เม็ด ส่วนรถยนต์โตโยต้า รุ่นรีโว่ ป้ายแดง มีนายบทีปกร สร้อยจิต อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 102 หมู่ 9 ต.บุ่งใหม่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ เป็นคนขับ และมีผู้โดยสารมาด้วยอีก 2 คน ทราบชื่อว่านายนรา จันทร์บุตร อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 491 หมู่ 13 ต.ช่องเม็ก อ.สิริธร จ.อุบลฯ นายเกรียงไกร กาญจนกูล อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 278 หมู่ 3 ต.ช่องเม็ก เช่นเดียวกัน



     ผู้ต้องหาทั้งสามรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนยานรกคนละ 30,000 บาท ให้ลำเลียงยาบ้าทั้ง 5 ล้านเม็ด ไปจอดทิ้งไว้ในเขตพื้นที่อำเภอศรีสงคราม แล้วจะมีบุคคลอื่นมารับเพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ชั้นในอีกทอดหนึ่ง เบื้องต้นนายทุนจ่ายค่ามันรถก่อน 10,000 บาท หากทำงานสำเร็จจึงจะจ่ายส่วนที่เหลือ โดยเป้าหมายปลายทางผู้ต้องหาอ้างว่าอยู่ในพื้นที่ กทม.

     พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 กล่าวเพิ่มเติมว่าเป็นการขยายผลจับกุมจากพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 มีคนร้ายขนยาบ้ามาจากจังนครพนม เข้าสู่ กทม. โดยคนร้ายใชรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน 5 กฒ 7897 กรุงเทพมหานคร ออกจากจังหวัดนครพนม เวลา 21.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม เจ้าหน้าที่จึงบูรณาการคอยสังเกตการณ์ตามเส้นทางรับผิดชอบ บนถนนมิตรภาพและถนนพหลโยธินอย่างเคร่งครัด เพื่อจะสกัดจับรถคันดังกล่าว กระทั่งเวลา 06.00 น. วันที่ 24 ตุลาคม พบรถต้องสงสัยติดฟิล์มมืด วิ่งผ่านเข้ามาเจ้าหน้าที่จึงเรียกรถคันดังกล่าวเพื่อขอตรวจ แต่คนร้ายไม่ยอมจอด เร่งเครื่องเพื่อหลบหนี ก่อนจอดรถทิ้งข้างทาง และวิ่งหลบหนีขึ้นไปบนเขาพระฉาย เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้า จำนวน 393 มัด จำนวน 3,900,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 41 มัด

      จากการสืบสวนจึงทราบว่าคนร้ายที่ทิ้งรถหลบหนีคือนายเรืองฤทธิ์ สาที กับนายเสมียน ติสจันทร์ เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมบุคคลทั้งสองอย่างใกล้ชิด จนทราบว่าเริ่มเคลื่อนไหวรับงานลำเลียงยาบ้าแล้ว กระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว และผู้ต้องหาทั้งสองก็รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่รับจ้างขับรถลำเลียงยาบ้าไปส่งพื้นที่ชั้นในจริง เมื่อเจอด่านตรวจในพื้นที่สระบุรี จึงตัดสินใจทิ้งรถวิ่งหนีขึ้นภูเขา ก่อนจะนั่งรถโดยสารกลับบ้านที่จังหวัดนครพนม โดยกระทำมาแล้วหลายครั้ง หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาทั้ง 5 คน ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ศรีสงคราม ดำเนินคดีต่อไป

     สำหรับยาบ้าล๊อตนี้ มูลค่าซื้อระหว่างนายทุนตามแนวตะเข็บชายแดน ราคาเม็ดละ 10 บาท หรือ 50 ล้านบาท หากทะลุเข้าถึงพื้นที่ชั้นในจะเพิ่มเป็นเม็ดละ 100 บาท หรือ 500 ล้านบาท หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้าขายย่อยให้นักเสพก็จะเป็นอีกราคาหนึ่ง ประมาณเม็ดละ 120-150 บาท

 

     จากสถิติการจับกุมในจังหวัดนครพนม ปี 2562 สามารถสกัดตรวจยึดยาบ้าได้เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2561 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) ตรวจยึดยาบ้าได้มากถึง 11 ล้านเม็ด มูลค่า 2,000,000,000 บาท นับว่าเป็นบิ๊กล๊อตมากที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งชุดสืบสวนเตรียมจะขยายผลต่อว่ายาบ้าล๊อตล่าสุดนี้ มีความเชื่อมโยงกับยาบ้า 11 ล้านเม็ดเมื่อปี 2561 อย่างไร







Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.