เปิดหมดใจพ่อ "ครูวา" นางฟ้าไบค์เกอร์ ยันลูกเป็นชายชื่อโจ๊ก เคยไล่ออกจากบ้าน ขณะเหยื่อโผล่เพิ่ม
17 พ.ย. 2562, 11:13
วันที่ 17 พ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายศุภสินธุ ตราโต ลูกชายนางพรรณี ตราโต เจ้าของ พรรณีเนอร์สเซอรี่ ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา นายภานุพงศ์ หรือ นายปพิชญา หรือนายธัญญฐิชา อัมพวัน หรือที่เรียกกันในขณะคือ ครูวา เคยมาทำงานที่เนอสเซอรี่ ได้ประมาณปีเศษ แต่ตลอดระยะเวลายิ่งนานวัน พฤติกรรมของนายปพิชญา หรือนายธัญญฐิชา เริ่มออกในด้านความไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของความเป็นครูที่ดี
นายศุภสินธุ กล่าวว่า ตนเองซึ่งได้รับมอบหมายจากคุณแม่ ให้ดูแลและกวดขันระเบียบภายในสถานที่ ตลอดจนไปถึงดูแลเรื่องเงินที่ผู้ปกครองจะนำมาจ่ายค่าเทอม ซึ่งครูวา โดยเฉพาะเงินค่าเทอม ในช่วงแรกๆครูวา ก็นับมาส่งให้ทางตนดี แต่ระยะหลังเริ่มไม่ส่ง อ้างโน้นอ้างนี้ไปเรื่อย จนกระทั่งจับได้ว่า ครูวา ได้แอบปลอมลายเซ็นชื่อของคุณแม่ ลงในบิลรับเงินค่าเทอม แล้วเก็บเงินค่าเทอมไป ซ้ำร้ายยังปลอมลายเซ็นคุณแม่ ไปทำใบเครดิต อีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ทางเราจับได้ แต่ยังไม่ทันจะเรียกครูวา มาคุย ก็ชิงลาออกไปเสียก่อน ซึ่งทางคุณแม่ ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว
นายศุภสินธุ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพถ่ายที่ทางครูวา นำไปโฟสต์เพื่อหลอกเหยื่อ ว่าเป็นครู ที่นั้นที่นี้นั้น ซึ่งมีบางภาพที่ปรากฏเป็นรูปเนอร์สเซอรี่ของพรรณี แต่ภาพดังกล่าวเป็นภาพนานมาแล้ว ที่ทางเราต้องถ่ายครูทุกคน ไว้เป็นทำเนียบ เพื่อให้ผู้ปกครองและเด็กได้รู้จักชื่อว่าใครเป็นใคร ครูวา เป็นครูที่มาทำแบบพาสไทม์ ไม่ประจำ แต่พฤติกรรมมักจะทำตัวเหมือนคนมีงานยุ่งมาก ส่วนเงินที่ได้ไปก็หลักหมื่นเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ONB news ได้เดินทางไปยังบ้านของครูวา ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเขาการ้อง ทางไปจังหวัดระนอง ห่างจากถนนสายเพชรเกษม เข้าไปกว่า 5 กม.ซึ่งเป็นถนนลูกรัง โดยบ้านอยู่ชายเขา ล้อมรอบด้วยสวนยางพารา ม.1 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายน้อย (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นพ่อของครู กำลังอุ้มไก่แจ้อยู่ โดยมีเพื่อนบ้านซึ่งเลี้ยงไก่แจ้ เพื่อแข่งขันเสียง มานั่งคุยอยู่ด้วย 2 คน โดยบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เรือนบ้านและรอบบ้านสะอาดสะอ้าน
ผู้สื่อข่าวได้รอโอกาสให้เพื่อนบ้านกลับก่อนจะสอบถามในกรณีที่ ครูวา ซึ่งเป็นลูกชาย เพื่อจะสอบถามถึงที่ไปก่อเรื่องขึ้น จนเป็นข่าว โดยนายน้อย ซึ่งขอปิดบังใบหน้า ได้กล่าวว่า ตนเองเพิ่งจะรับทราบจากผู้สื่อข่าวว่าลูกชายไปก่อเรื่องขึ้น ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไร โดยเฉพาะสื่อโซเชียล เนื่องจากบ้านที่อยู่เป็นป่าเขา ไม่มีสัญญาณ จึงเหมือนคนตาบอดไม่รู้โลกภายนอก
นายน้อย ยังกล่าวว่า โจ๊ก เป็นลูกชายคนโตของตนเอง และมีน้องสาวต่อจาก โจ๊ก อีกหนึ่งคนเป็นผู้หญิง โดยลูกชายนั้น ได้ออกจากบ้านไปนานกว่า 10 ปี แล้ว และไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย มีเพียงบ้างครั้งที่ ลูกชาย จะโทรมาหา ถามไถ่และบอกล่าสุดคือไปเป็นครูอยู่แถวดอนเมือง เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้เลย
นายน้อย กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ โจ๊กเป็นเด็ก ก็เป็นผู้ชายเหมือนชายอื่นๆทั่วไป แต่พอเริ่มโตขึ้นมา ก็เริ่มมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจากเพศชาย ชอบนุ่ง แต่ตัวเป็นหญิง ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่ชอบและต่อว่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่ฟัง ทำให้ตนเองโกรธมาก ไล่ให้ออกจากบ้านไป และโจ๊ก ก็ออกจากบ้านไปจริง และไปอยู่กับยาย ซึ่งบ้านอยู่ห่างกันไปหลายกิโลเมตร
นายน้อย ยังกล่าวต่อว่า หลังจากโจ๊ก ไปอยู่กับยาย ตนเองและทางบ้านทุกคน ไม่เคยได้สนใจ กลับกัน โจ๊กเองก็ไม่เคยแวะเวียนมาหาเลย จนกระทั่งเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว ลูกชาย ได้มาหา แต่มาครั้งนี้ มาในรูปร่างของผู้หญิงเต็มตัว และบอกกับตนเองและทางบ้านว่า แปลงเพศมาแล้ว(เฉาะ) และจะแต่งงานกับหนุ่ม ซึ่งเป็นชาวจังหวัดอยุธยา ตนเองก็มึนงงจึงตอบปากรับคำว่าดีแล้ว ก่อนที่ทั้งสองก็ได้แต่งงานกันมีแขกเหรื่อมาร่วมงานพอประมาณ
แต่หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็เลิกรากันไป โจ๊ก ก็กลับมาอยู่บ้าน และไม่ทำอะไรเลย ตนเองซึ่งเป็นคนสวน จึงอยากให้ลูกได้ทานบ้านบ้าง แต่โจ๊ก ไม่สนใจจะทำ ชอบเที่ยว ตนจึงได้ต่อว่าไปและพูดคำขาด ว่าหากจะเที่ยวก็ออกไป แล้วไม่ต้องกลับมา ก็เป็นอีกครั้งที่ โจ๊ก เดินออกจากบ้านไป และหายไป และมีแค่เพียงบ้างครั้งที่โทรมาถามนั้น จนวันนี้ก็มารู้ว่า ลูกชาย ไปก่อเรื่อง สร้างความเสียหายให้กับคนอื่น
นายน้อย กล่าวต่อว่า หากเป็นเรื่องเป็นราว ก็อยากให้ลูกชาย มาเคลียร์ปัญหา ผิดถูกก็ว่ากันไป ส่วนผู้เสียหายหากจะเอาผิดกับลูก ก็ต้องปล่อยเค้าไปเพราะเค้าคือผู้เสียหาย ใครทำอะไรก็ต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไป ส่วนตนไม่มีเงินพอที่จะไปเยียวยาใครได้เพราะเป็นชาวสวน
นายภานุพงศ์ เป็นชื่อเดิม เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2533 ต่อมาขอเปลี่ยนชื่อเป็นนายปพิชญา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 และมาขอเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นนายธัญญ์ฐิชา พร้อมทั้งขอเปลี่ยนชื่อสกุลจากอัมพวัน มาเป็น ศศิโชติกุลวงศ์ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2558 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร ปัจจุบันอายุ 29 ปี