เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รมว.กระทรวงพลังงาน เดินหน้าเคลื่อนนโยบาย “B10 น้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ภายในงานสัมมนา B10 ราคาปาล์มจะรุ่ง หรือร่วง


17 พ.ย. 2562, 15:28



รมว.กระทรวงพลังงาน เดินหน้าเคลื่อนนโยบาย “B10 น้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ภายในงานสัมมนา B10 ราคาปาล์มจะรุ่ง หรือร่วง




เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 พ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกล่าวแถลงนโยบาย “B10 น้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ภายในงานสัมมนา “ B10 ราคาปาล์มจะรุ่ง หรือร่วง” ทั้งนี้ทางกระทรวงพลังงาน ร่วมกับพันธมิตรประกอบด้วยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ได้จัดกิจกรรมการสัมมนาดังกล่าวขึ้น โดยเชิญตัวแทน ปตท. ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ปั้มน้ำมัน นักวิชาการและสื่อมวลชนร่วมเวทีสัมมนา ท่ามกลางทั้งชาวนครศรีธรรมราช กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ตรัง พัทลุง และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้เข้าร่วม ซึ่งในการสัมมนาในครั้งนี้ตัวแทนในแต่ละส่วนต่างเห็นด้วยกับนโยบายการผลิตน้ำมัน B10 และมองว่ารัฐบาลน่าจะดำเนินการนโยบายนี้มาตั้งนานแล้ว โดยเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาราคาปาลมตกต่ำได้อย่างแม้จริง และทำให้ประชาชนใช้น้ำมันที่มีคุณภาพในราคาถูกลง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญกับชาวนครศรีธรรมราช และเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ จึงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมนโยบายพลังงานเพื่อประชาชนทุกระดับตามนโยบาย Energy For All เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานและสามารถใช้พลังงานในการเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับภาพรวมและเศรษฐกิจฐานรากที่สามารถพึ่งพาตนเองได้

“ในฐานะที่กระทรวงพลังงานเป็นหนึ่งในกระทรวงที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ผมตั้งใจทำ 2 เรื่องหลักคือ ลดความเหลื่อมล้ำและใช้กลไกด้านพลังงานไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ประชาชน ให้กับชุมชน ทั้งนี้กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้าให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 2579 จึงมีโครงการต่าง ๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นโยบายนี้ ทั้งการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพจากไบโอดีเซลและเอทานอลผสมในเนื้อน้ำมัน ซึ่งถือเป็นน้ำมันบนดินที่มาจากผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นจุดแข็งของไทย ช่วยสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น B10 นั้นไม่ใช่แค่การส่งเสริมเป็นน้ำมันทางเลือก แต่เป็นน้ำมันหลัก หรือน้ำมันพื้นฐานที่สามารถใช้ได้กับรถทุกชนิด ในขณะนี้ได้ประกาศให้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 น้ำมัน B10 จะเป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศและจะครบถ้วนเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยน้ำมัน B10 จะนำมาแทน B7 โดยที่น้ำมันดีเซล B7 จะกลายเป็นทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรปที่ยังรองรับไม่ได้ และมีน้ำมัน B20 เป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งหากผลักดันการใช้ B10 สำเร็จตามเป้าหมายจะทำให้การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40% จากปัจจุบันข้อมูล ณ พ.ย.2562 มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซล 5.15 ล้านลิตรต่อวันก็จะเพิ่มเป็นประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2563 โดยราคา B10 จะถูกกว่า B7 ประมาณ  2 บาท/ลิตร ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการใช้เพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายให้สถานีบริการน้ำมันมี B10 จำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ 1 มี.ค. 2563 ซึ่งปัจจุบันมีสถานีบริการ B10 ทั่วประเทศแล้ว 120 สถานี เฉพาะที่จ.นครศรีธรรมราช มี 5 สถานี และเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นไป"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวอีกว่า ผลจากการผลักดันนโยบาย B10 เกิดประโยชน์ขึ้นหลายต่อทีเดียวทั้งการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มดิบจากการใช้ไบโอดีเซลในภาคพลังงานมากขึ้น โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์บริหารจัดการผลผลิตปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซลและเพื่อใช้บริโภค และร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันการลักลอบการนำเข้าปาล์มดิบจากต่างประเทศด้วย อันจะมีส่วนช่วยยกระดับราคาผลปาล์มน้ำมัน และทั้งยังช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดการพึ่งพานำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศ ที่สำคัญลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

“ผมจะทำใน 3 อย่าง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการผลิตและใช้น้ำมัน B10 อย่างมั่นคงถาวร ประกอบด้วย 1. การปรับสมดุลการผลิตโดยการควบคุมและจัดระเบียบพื้นที่การปลูกปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ 2. ควบคุม ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าปาล์มจากต่างประเทศ โดยการผลิตน้ำมัน B10 จะต้องเป็นปาล์มที่ปลูกในประเทศไทยทุกเม็ด และ 3. การให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดต้นทุนการผลิตปาล์มให้ได้มากที่สุด หากทำได้ทั้ง 3 ประการนี้ ก็จะทำให้ราคาปาล์มเมืองไทยไม่ตกต่ำเหมือนที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน "

นอกจากนี้น้ำมันบนดินชนิดต่อไปที่กระทรวงฯ จะผลักดันคือ การส่งเสริมเอทานอลที่ผลิตจาก อ้อยมันสำปะหลัง เพื่อผสมในน้ำมันเบนซิน โดยมีแผนยกระดับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซิน และมีแผนจะลดจำนวนชนิดน้ำมันแก๊สโซฮอลที่จำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันลง โดยใช้กลไกส่วนต่างราคาปลีกจูงใจประชาชนหันมาใช้ E 20 เพิ่มขึ้น ผมขอให้เชื่อมั่นว่านโยบายของกระทรวงพลังงานจะเป็นเครื่องมือสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกระดับ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา และขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนชีวิตของคนไทยทุกคนในปัจจุบันไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืนตามนโยบาย พลังงานเพื่อทุกคน พลังงานเพื่อชุมชน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

 

 

 

 

 

 



 

 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.