"ชุมชนบ้านวังกะ" จ.กาญจนบุรี ไม่เห็นด้วยใช้ ม.44 คุมโรงแรม หวั่นเอื้อทุนนอก ปิดโอกาสชาวบ้าน
16 มิ.ย. 2562, 15:18
ภายหลังจากที่ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช ) ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2562 เรื่อง “มาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท” ให้ดำเนินการสำรวจและจัดการขึ้นทะเบียนให้ทุกต้องตามกฎหมาย ภายในระยะเวลา30วัน
วันนี้ 16 มิ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่าได้ลงพื้นที่ชุมชนบ้านวังกะ หมู่ที่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นชุมชนด้านการท่องเที่ยววิถีไทย ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยงานราชการ พร้อมทั้งได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว สนับสนุนทั้งบุคคลากรและงบประมาณ เพื่อพัฒนาให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่าน
จนปัจจุบัน บ้านวังกะจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยในทุกๆวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ จะมีนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชนแห่งนี้ นอกจากสะพานไม้อุตตมานุสรณ์หรือสะพานมอญ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแล้ว วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมทั้งเรื่องอาหาร การแต่งกาย ศาสนา พิธีกรรม รวมทั้งวิถีชุมชน ที่ไม่เหมือนที่ไหน ล้วนเป็นสิ่งดึงดุดให้ผู้คนจากทั่วสารทิศมุ่งหน้ามาสู่ชุมชนแห่งนี้
นอกจากกิจกรรมต่างที่เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวแล้ว การเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิต ความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด ในรูปแบบโฮมสเตย์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตามมากับการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น โดยมานักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่สนใจ และหันมาท่องเที่ยวและพักในรูปแบบโฮมสเตย์ นอกจากค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง การได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบเข้าถึง ทั้งเรื่องอาหาร การอยู่อาศัย กิจกรรมในชุมชน สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหาได้ ในสถานที่พักที่เป็นโรงแรม รีสอร์ทหรู โดย นายณรงค์ เพ็ชรบุญมี (นทท) ได้กล่าวว่าที่เลือกพักโฮมสเตย์ และยังมองว่าการจัดการท่องเที่ยวในรูปแบบโอมสเตย์ตอบโจทย์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ ที่สำคัญเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวของชุมชน ที่สำคัญช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้
น.ส.อรัญญา เจริญหงษา ผู้ประกอบการโฮมสเตย์และดำรงตำแหน่งเลขานุการ วัฒนธรรมอำเภอสังขละบุรี ผู้ริเริ่มการพักแบบโฮมสเตย์ ในชุมชนบ้านวังกะ เล่าให้ฟังว่าเริ่มแรกเดิมที ชุมชนบ้านวังกะแทบไม่ได้เข้าไปมีส่วนได้เสียกับการท่องเที่ยวของ อ.สังขละบุรี จนวันหนึ่งเริ่มมีนักศึกษา จากสถาบันต่างๆเข้ามาเรียนรู้ในชุมชน แรกๆนักศึกษาเหล่านั้นต้องพักในโรงแรมในฝั่งเทศบาล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน การทำกิจกรรมการเรียนรู้บางครั้งต้องใช้เวลาช่วงกลางคืน การเดินทางกลับที่พักมีความเสี่ยง จึงริเริ่มให้นักศึกษาเหล่านั้นพักกับชาวบ้านในชุมชน บ้านละ2-3 คน ค่าตอบแทนแล้วแต่จะให้ จนเมื่อการท่องเที่ยวเริ่มขยาย ส่งผลให้ห้องพักตามโรงแรม รีสอร์ท ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี ไม่เพียงพอ การท่องเที่ยวในรูปแบบโฮมสเตย์ ของที่นี่จึงเป็นทางเลือก ก่อนจะได้รับความนิยมมากขึ้นในเวลาต่อมา
ปัจจุบันมีชาวบ้านกว่า20 ครอบครัว ที่เปิดบ้านให้เป็นที่พักแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งหากจะให้ผู้ประกอบการที่นี่ทำตามคำสั่งดังกล่าว เห็นว่าชุมชนคงไม่สามรถทำได้เนื่องจากมีข้อจำกัด หลายเรื่อง ในมุมมองของตนเองเห็นว่าไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ ที่สำคัญไม่ได้มีลูกค้าทุกวัน
ด้านนายนิธิโรจน์ พันธ์พาณิช เจ้าบ้านคุณมน เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากรัฐจะได้นำรายได้ที่จัดเก็บภาษี จากผู้ประกอบการไปพัฒนาประเทศ แต่มองว่าเรื่องการท่องเที่ยวในชุมชนควรเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อการกระจายรายได้ในชุมชน และควรรักษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ให้อยู่คู่กับชุมชน เพื่อเป็นการจัดการการท่องเที่ยวที่อย่างยืนอย่างมีส่วนร่วม ไม่สนับสนุนนโยบายใดๆที่จะเปิดทางให้ทุนใหญ่เข้ามาครอบงำธุรกิจท่องเที่ยวของชุมชน โดยชาวบ้านขาดการมีส่วนร่วม โดยมี่ได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันที่เป็นอยู่นี้ตนเองเห็นว่า อยู่ในทิศทางที่ดีอยู่แล้ว