เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ชาวบ้าน ต.ปากจั่น เกือบ 50 คน รวมตัววอน จนท. เปิดเส้นทางขึ้นไปทำกิจกรรมบน "พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์"


19 พ.ย. 2562, 13:12



ชาวบ้าน ต.ปากจั่น เกือบ 50 คน รวมตัววอน จนท. เปิดเส้นทางขึ้นไปทำกิจกรรมบน "พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์"




ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้มีกลุ่มชาวบ้านตำบลปากจั่นประมาณ 50 คน รวมตัวกันที่บริเวณทางขึ้น "พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์" หรือ เจดีย์ชเวดากอง (จำลอง) ปากจั่น หมู่ที่ 4 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เปิดเส้นทางขึ้นเจดีย์ดังกล่าว เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้สั่งการให้ทางอำเภอกระบุรี ดำเนินการปิดเส้นทางขึ้นเจดีย์ดังกล่าว พร้อมนำท่อปูนและลวดหนามมากั้นทางขึ้นเจดีย์ และมีคำสั่งให้ผู้ที่เข้าไปอาศัย และเข้าไปจัดกิจกรรมในบริเวณพื้นที่ของเจดีย์ (เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่กว่า) ให้ออกจากพื้นที่ และงดจัดกิจกรรมในบริเวณเจดีย์โดยเด็ดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางอำเภอกระบุรี ได้มีการออกประกาศเป็นหนังสือคำสั่งการไปตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2562 รอบหนึ่งแล้ว เนื่องจากที่ดินที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์ดังกล่าว เป็นที่ดินสาธารณะ โดยทางอำเภอกระบุรีได้มีการแจ้งความดำเนินคดี ไปเมื่อวันที่​ 30​ มกราคม 2561 ณ สถานีตำรวจภูธรปากจั่น ไปแล้ว กรณีที่มีการบุกรุก โดยการก่อสร้างเจดีย์ และอาคารต่างๆ​ โดยมิได้มีการขออนุญาตใช้ และขณะนี้คดีก็ยังอยู่ในชั้นศาล และอยู่ในอำนาจของคณะกรมการ ป.ป.ช. โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านตำบลปากจั่น ที่มีความเห็นไม่ตรงกันมาโดยตลอด โดยฝ่ายแรกเป็นชาวบ้านปากจั่น ที่สนับสนุน "พระปัญญา” และ คณะกรรมการที่บริหารจัดการเจดีย์ ส่วนอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านปากจั่น ที่เห็นไม่เห็นด้วยในการบริหารจัดการเจดีย์ ของ "พระปัญญา” และ คณะกรรมการ โดยให้เหตุผลว่ามีการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ในเรื่องของรายรับรายจ่ายไม่ชัดเจนและไม่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงดำเนินการผิดไปจากวัตถุประสงค์ของเจ้าอาวาสองค์ก่อนที่ได้มรณภาพไปแล้ว โดยล่าสุด นายบุญยัง คุ้มเพชร แกนนำชาวบ้านตำบลปากจั่นฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของเจดีย์ต่อ พร้อมด้วยชาวบ้านได้ออกมารวมตัวกัน พร้อมวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่เปิดเส้นทางขึ้นเจดีย์ เพื่อให้ชาวบ้านได้ดำเนินกิจกรรมทางศาสนาต่อไป



นายบุญยัง คุ้มเพชร แกนนำที่สนับสนุนให้มีการดำเนินกิจกรรมของเจดีย์ ได้กล่าวว่า ผมในนามของตัวแทนของพี่น้องตำบลปากจั่นและตำบลใกล้เคียงที่ได้ร่วมทำบุญบนเจดีย์ร่วมกันมาตลอด ทุกคนก็ร่วมกันทำบุญร่วมสร้างกันมาหมด แต่อยู่ๆ​ ก็มีหน่วยงานของราชการ​ ได้บอกว่าพื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุกที่สาธารณะและดำเนินการทางกฎหมาย​ มีการกล่าวอ้างว่าเป็นการกระทำมิชอบ เป็นการบุกรุกที่สาธารณะ และการกล่าวอ้างว่า เรื่องอยู่ในการดำเนินคดีของ​ ป.ป.ช.​ ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ ความรู้สึกชาวบ้าน รู้สึกไม่ชอบ เพราะว่า​ ป.ป.ช. มีหน้าที่​เรื่องของการปราบปรามและป้องกันการทุจริตแห่งชาติ แต่การกล่าวอ้างว่า ป.ป.ช. กำลังสอบสวน และมาเป็นเหตุผลในการปิดเส้นทางสาธารณะ​ ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนนสาธารณะที่ใช้งบประมาณแผ่นดินสร้าง ซึ่งไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะมาสั่งปิดกั้น นอกเสียจากว่าเป็นคำสั่งศาลหรือเป็นคำสั่งของทางปกครอง ถนนเส้นนี้เริ่มปิดตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.2562 ประชาชนต้องใช้สัญจรเส้นนี้ตามปกติ ไม่จำเป็นว่าประชาชนต้องขึ้นไปทำบุญหรือจะขึ้นไปทำอะไรก็แล้วแต่ เพราะถนนเส้นนี้ประชาชนจะต้องใช้ตลอด เช่น​ ออกกำลังกาย ขึ้นไปทำบุญ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็ได้คุยแต่เขาไม่ได้รับฟังเพราะถือใช้อำนาจมาสั่งการอย่างเดียว และได้มีการประชุมและดำเนินการพูดคุยกัน ทางหน่วยงานก็ได้ตกลงรับปากว่า ภายใน 5 วัน จะดำเนินการมาเปิดให้ แต่ครบ 5 วันแล้ว ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ให้หน่วยงานราชการตรวจสอบและดำเนินการสอบสวนไปตามข้อเท็จจริง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ว่ากรณีปิดกั้นถนนสาธารณะ ผมถือว่าเป็นการบังคับข่มขืนจิตใจให้เสียสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะต้องใช้ถนนเส้นนี้ที่ต้องไปทำบุญ ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดีก็ดำเนินคดีไป ในส่วนของการบุกรุกที่สาธารณะก็ดำเนินคดีไป ตรงนี้มันอยู่ที่ข้อกฎหมาย เราแยกกัน ถ้าเมื่อผลสรุปว่าพื้นที่ตรงนี้ผิดจริง ทางเราก็ยินดีไม่ได้ขัดขืนใดๆ​ ทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นการบังคับขืนใจ ทั้งๆ​ ที่​ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน ยังไม่มีการตัดสินใดๆ​ ทั้งสิ้น​ ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเท่านั้นเอง และมาปิดกั้นและกล่าวอ้าง เอาป้ายนำมาปิดว่าเรื่องดำเนินการอยู่ใน​ ป.ป.ช. ซึ่งไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ​ ป.ป.ช. ในการมาปิดกั้นถนนสาธารณะ เพราะ​ ป.ป.ช.​ มีหน้าที่เพียงแต่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในส่วนของใครจะไปเข้าข่ายการทุจริต หรือมีส่วนรู้เห็นในการทุจริต ก็อยู่ที่​ ป.ป.ช. สอบไป​ แต่การปิดถนนสาธารณะถือว่าเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบไม่ชอบด้วยกฎหมาย และที่สำคัญคนที่นำสิ่งกีดขวางมาขวางทางสาธารณะ จะต้องรับผิดชอบด้วย ใครเป็นคนเอามาขวาง ถนนเส้นนี้ใช้งบประมาณแผ่นดินสร้างไม่ใช่น้อยๆ เป็นล้าน แล้วคนที่นำมาปิดจะต้องรับผิดชอบ คุณจะอ้างว่าใครสั่งก็แล้วแต่คุณ ไม่เกี่ยวกับพี่น้องประชาชนเรา แต่เราต้องการทราบว่าใครที่นำสิ่งกีดขวางมาขวางปิดกั้นทางจราจรนี้​ ถามว่าทางกฎหมายจราจรหรือกฏหมายอะไรก็แล้วแต่ ทางตำรวจทางเจ้าหน้าที่ ก็สามารถมาให้การยืนยันได้ว่า ถนนสาธารณะนี้ปิดกั้นได้ไหม ผมอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทุกๆ​ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ความกระจ่าง



ส่วนทางด้านของ นายพิศณุ เยาว์สำลี แกนนำชาวบ้านตำบลปากจั่นอีกฝ่ายที่คัดค้านการเข้าไปดำเนินกิจกรรมของเจดีย์ ได้กล่าวว่า ปัญหามันก็คาราคาซังเรื่อยมา ก็ฟ้องกันไปฟ้องกันมา ผมว่าให้ทำตามกฎหมายให้ถูกต้อง ถ้าเราไม่ยึดกฎหมายหาข้อสรุปไม่ได้ ให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง เมื่อมันถึงที่สุดแล้ว เราค่อยมาว่ากันว่า สิ่งที่ปลูกสร้างเราค่อยมาบูรณะดูแลกันใหม่ ใครเป็นผู้ดูแลใครเป็นผู้ทำ เพราะเจตนาของอาจารย์ (เจ้าอาวาสองค์ก่อน) เมื่อตอนอาจารย์มีชีวิตอยู่เคยพูดไว้ว่า เมื่อเจดีย์นี้เสร็จ เงินจำนวนมากที่ได้จากนักท่องเที่ยว จะนำมาบูรณะวัดปากจั่นให้เจริญรุ่งเรือง แต่ปรากฏว่า หลังจากอาจารย์มรณภาพไปประมาณ 5 ปี ก็ผิดเจตนารมณ์ของอาจารย์ เพราะว่ากรรมการวัด ได้แบ่งออกเป็น 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งอยู่ข้างบน (เจดีย์) อีกขั้วหนึ่งอยู่ข้างล่าง (วัดสุวรรณคีรีปากจั่น)​ ขั้วที่อยู่ข้างล่างก็เป็นทีมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำทั้งหลาย อยู่ข้างล่างดูแลวัดข้างล่าง​ ส่วนข้างบนก็เป็นกลุ่มผู้นำตามธรรมชาติที่เขาตั้ง เป็นกลุ่มขึ้นมาเพื่อดูแลเจดีย์​ และมันผิดเจตนาของอาจารย์ที่ เงินที่ได้ข้างบน (เจดีย์) ก็ไม่เคยนำมาบูรณะวัด ผมเคยสอบถามจากเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน ว่าเคยมีเงินที่เขาได้เอามาซ่อมแซมวัดบ้างไหม​ ก็ไม่มี และมีการใส่ร้ายว่าวัดล่างอยู่กันไม่มีการเสียค่าไฟ ผมถามในที่ประชุม กรรมการวัด ว่าใครคนเสียค่าไฟ ปรากฏว่าเจ้าอาวาสเอาบิลให้ผมดูและบอกว่า กำนันถาวร ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของวัดเป็นคนจ่ายค่าไฟ แต่มีข้างบน (เจดีย์) จ่ายให้มาเดือนหนึ่ง ช่วงที่อาจารย์ไปชลบุรีกลับมาไม่ทัน​ ก็เป็นที่มาที่ไปเรื่องที่ข้างล่าง (วัดสุวรรณคีรีปากจั่น)ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ

 

นายพิศณุ กล่าวต่ออีกว่า ผมพยายามเช็คเเละยืนอยู่ตรงกลาง ให้ทำให้ถูกต้อง เพราะเราจะฝืนกฎหมายไม่ได้ เรื่องที่ว่าปิดประกาศ ผมเป็นคนเอาประกาศไปปิดข้างบน และมีผู้หญิงคนหนึ่งรับแล้วเอาไปฉีก ซึ่งผมก็ไม่ขอเอ่ยว่าเป็นใคร​ ผมก็รายงานนายว่าผมเอาไปติดแล้ว แต่เขาก็เอาไปฉีกแล้ว​ หลังจากนั้นมีคำสั่งจากผู้ว่าฯ ให้นายอำเภอกระบุรีติดประกาศใหม่​ นายอำเภอกระบุรีก็ทำป้ายแผ่นใหญ่มาติด ผมอยากให้ดำเนินการตามกฎหมายให้สิ้นสุด ผลจะออกมาอย่างไร เรารับตรงนั้นรับข้อกฎหมายครับ เพราะถ้าฝืนกฎหมายเราอยู่กันไม่ได้ ไม่ว่าใครจะบริหารก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้กฎหมายว่าสิ้นสุดและคําสั่งของศาล จะให้ใครดูแล ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรายอมรับตรงนั้นในฐานะชาวบ้าน ส่วนกรณีที่ฝ่ายโน้นแสดงออกเพื่อต้องการเปิดเส้นทางขึ้นเจดีย์ มันไปขัดกับข้อกฎหมาย ถ้าเราไม่เคารพกฎหมายมันก็ไม่สิ้นสุด เรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องผมไม่เคยยุ่งว่าใครจะเอาผลประโยชน์จากวัด แต่สิ่งที่ต้องการก็คือ ทำให้ถูกต้อง อย่าให้คนปากจั่นต้องรบกันเองแค่นั้นเอง

 

สำหรับเจดีย์องค์ดังกล่าวมีชื่อไทยว่า “พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์” ตั้งอยู่ใน ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของวัดสุวรรณคีรีปากจั่น โดย "พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์” และได้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 โดยได้จำลองแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ของเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และออกมาได้เหมือนต้นฉบับมากที่สุด เรียกได้ว่าเป็น.."ชเวดากองเมืองไทย” เลยก็ว่าได้ ซึ่ง “พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์” เป็นงานศิลปะพม่า มีฐานกว้าง 29 เมตร ยอดสูง 108 ฟุต และได้มีการบรรจุพระพุทธรูปหินหยก จำนวน 2,999 องค์ ยอดเจดีย์บุทองคำหนัก 19 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ “พุทธสุวรรณคีรีเจดีย์” นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกที่หนึ่งของตำบลปากจั่น ที่จะมีชาวไทย ชาวเมียนมา และนักท่องเที่ยวแวะเวียนมากราบไว้ และทำบุญกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายกระบวนการต่างๆ หลังจากนี้จะหาข้อยุติได้หรือไม่อย่างไร






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.