นางร้ายรุ่นใหญ่ หมวย สุภาภรณ์ เปิดใจ ในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31  ถึงมรสุมชีวิตกับอาการป่วยไบโพลาร์ของตนเองที่ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง ปัจจุบัน หายจากโรคไบโพลาร์เพราะส่วนหนึ่งใช้ธรรมะเข้าช่วย 

พี่หมวยเคยเป็นไบโพลาร์มาก่อน ?

หมวย : "เป็นไบโพลาร์ ดิสออเดอร์ (Bipolar disorder)"  

มันคืออะไร ?

หมวย : "ไบโพลาร์ ดิสออเดอร์ เป็นความเครียดสะสมและเป็นความเครียดสำเร็จสะสม ถ้าคุณดูข่าวโรบิน วิลเลี่ยมส์ เขาผูกคอตาย เขาเป็นไบโพลาร์ ดิสออเดอร์ คนที่ไฮมากๆ สูงมากๆ แล้วไปไม่เป็น คือเขาประสบความสำเร็จจนสุดเพดานแล้วมันไปไหนไม่ได้แล้ว"

เราจะรู้ได้ไงว่าเราเป็นไบโพลาร์ จะรู้ได้ไงว่าต้องไปหาหมอ ?

หมวย : "เป็นคำถามที่ดีมาก เพราะทุกคนก็จะเอามาอ้าง ไม่ว่าจะรถชนกัน ต่อยกัน แล้วก็บอกว่าฉันเป็นไบโพลาร์ ดิสออเดอร์มันไม่ใช่ ต้องไปพบแพทย์ ให้แพทย์บอกว่าเป็นอะไร เครียดสะสม ไบโพลาร์ อารมณ์สองขั้ว เป็นจิตเภทหรือเป็นอะไร เพราะเราไม่ใช่หมอเราตอบไม่ได้" 

ขั้นตอนการไปหาหมอเค้าต้องทำขั้นตอนของการแพทย์ทั้งหมดกว่าที่จะวิเคราะห์ว่าเราเป็นแบบไหน ?

หมวย : "หมอเขาเป็นจิตเวชเขารู้ว่าจะต้องถามอะไร อาการของโรคเป็นยังไงเข้าข่ายมั้ย มีอาการแสดงแล้วหรือยัง มันจเป็นกระบวนการ ไม่ใช่หาหมอเดือนละครั้ง ตอนเป็นแรกหมวยหาหมออาทิตย์ละหน มีการบ้านมาทำทุกอาทิตย์ การบ้านก็คือการเขียนไดอารี่ว่าเราทำอะไร รู้สึกยังไง หมอบอกว่าคุณหมวยจำไว้นะวันใดที่คุณหมวยหายแล้วมาเปิดไดอารี่อ่าน คุณหมวยจะโอ้มายก็อดปัญญาอ่อนอย่างงี้ได้ยังไง"

ตอนนั้นอาการที่พี่หมวยเป็นจะมีเวลาของมันที่เป็น เช่นช่วงเช้า ช่วงเย็น ?

หมวย : เขาเรียกดีเพรสชั่น เช้าจะขึ้นตอนตี5-ตี5 ครึ่งถึง 7 โมงเช้า ลองสังเกตุว่าจะไม่มีใครฆ่าตัวตายตอนเที่ยง มันเป็นรีเสิร์ช แล้วก็ช่วงโพล้เพล้ 5 โมง-ทุ่มนึง

อาการเป็นยังไง ?

หมวย : "สำหรับหมวยเองคือพื้นมันเรียก เราเป็นโรคมันก็จะเป็นอาการเสียงแว่วเหมือนหลอน พื้นมันเรียกว่าโดลงไปซิมันนุ่ม ก็ถามว่านุ่มจริงหรอเดี๋ยวลงไปนะ คนที่บ้านเค้ารู้เพราะเค้าต้องดูแลเรา เค้าก็จับไว้แล้วก็พาไปหาหมอ คุณหมอก็บอกว่าเราต้องหัดทำความเข้าใจกับมันให้เข้าใจ เข้าใจโดยถ่องแท้ด้วยนะไม่ใช่เข้าใจผิวๆ เราก็ต้องเข้าใจว่าเราทำอะไร เราเป็นอย่างไร แล้วหมวยก็ได้อาจารย์ที่ดี คือคนจะมองภาพลักษณ์เราว่าเล่นเป็นตัวร้ายแล้วเราจะไม่ได้หาพระพุทธศาสนาซึ่งเปล่าเลย หมวยเป็นคนทำบุญ ครอบครัวทำบุญมาโดยตลอด หมวยจะมีพระอาจารย์อยู่หัวหิน เค้าก็จะสอนกรรมฐานให้ เราก็อ๋อเกิดขึ้นเช่นนี้หนอ เป็นเช่นนี้หนอ มันก็จะค่อยๆ ทำให้จิตใจมันดีขึ้น"

งั้นแสดงว่าชีวิตนี้เคยผ่านการเกือบจะฆ่าตัวตาย ?

หมวย : "ฆ่าแล้วแต่มันไม่ตาย มีมากกว่า 1 ครั้ง"

ส่วนใหญ่จะกระโดดลงพื้นนุ่มๆ ตรงนั้นหรือเปล่าหรือมีอย่างอื่นบ้าง ?

หมวย : "มันก็จะคิดไปเรื่อยๆนะ ว่ายิงตัวตายดีมั้ย จนพ่อเรียกมาถามว่า “ลูกจำไว้นะว่าการฆ่าตัวตายที่ดีที่สุดคือการเอาปืนยิงหัว เปรี้ยง! รับรองไม่เจ็บ แต่ผลของมันถ้าไม่ตายแล้วพิการใครจะเลี้ยงลูก จากนั้นก็เลยคิดว่า สวยหรอ ไม่สวย เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครเลี้ยงกู ถ้าพ่อกูตาย เพราะฉะนั้นมึงล้มเลิกเถอะ"

คนส่วนใหญ่ที่เริ่มเป็น อาการมันจะเป็นยังไงถึงควรไปหาหมอ ?

หมวย : คืออาการของแต่ละบุคคลมันจะไม่เหมือนกัน แต่อาการที่จะคล้ายกันคือจะร้องไห้ไม่มีเหตุผล จะร้องไห้เป็นเวลา จะคิดวนเวียน เหงื่อจะออก จะวิตกกังวล

แต่มันจะมีเวลาของมันที่จะเป็น ?

หมวย : "บางทีอาการร้องไห้อาจจะร้องไห้ตอนเที่ยงได้เพราะมันไม่ได้มีอาการฆ่าตัวตาย มักจะมีอาการแบบนี้ซ้ำๆ ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล ตอนที่เป็นหมวยบอกพ่อว่า พ่อหมวยไม่ได้เศร้าแต่ทำไมหมวยร้องไห้"

มันเกี่ยวกับว่าพี่หมวยทำงานตั้งแต่เด็กด้วยหรือเปล่า บทแต่ละบทเป็นบทยากๆ ต้องใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึกตลอด ?

หมวย : "หมวยไม่อยากโทษอาชีพตัวเองนะ คนที่ป่วยมีความเครียดสะสมมันอาจจะส่วนตัวของเราเป็นองค์ประกอบ อย่าไปว่าอะไรอันหนึ่งแล้วทำให้เราเป็น มันเป็นไปไม่ได้ ชีวิตมันมีหลายองค์ประกอบ"

ตอนนี้หายแล้ว ?

หมวย : "ตอนนี้หายแล้ว หายมา 5 ปีแล้ว"

จริงๆ แล้วไม่ได้พึ่งทางวิทยาศาสตร์แต่เราพึ่งทางสายธรรมะใช่มั้ย ?

หมวย : "หมวยทำควบคู่กัน ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรที่เหมาะสมที่สุด มันอยู่ที่เราจะหาสูตรที่ลงตัวกับเราตรงไหน คุณชอบอะไร คุณชอบตรงไหน"

แต่บทจะหาย หายภายใน 7 วันเลยทันที ?

หมวย : "มีอยู่วันหนึ่งหมวยทีความทุกข์ มีความรู้สึกว่าคนเราตรอมใจจนตายมันมีด้วยเหรอ เพราะเรารู้สึกตรอมใจ อาจารย์เค้าก็บอกวิธีมาเราก็นั่งกรรมฐาน พอ 7 วันผ่านไปมันตอบเลย ปิ๊ง ! พอปิ๊งปุ๊ป อ้าวไปแล้วหรอ จิตเรารู้ทันมันว่าไอ้นี่มันเป็นแบบนี้นี่เอง มันไปเลย มันไม่มาทักทาย มันไม่สนใจเราแล้ว"

จากนั้นเราก็ไม่เป็นโรคนั้นอีกเลย 5 ปีมาแล้ว ?

หมวย : "ไม่เป็นเลย คือถ้าจิตเราทันมัน มันจะหาย"

เรียกได้ว่าที่พี่หมวยหายเป็นเพราะมาจากธรรมะส่วนใหญ่ ?

หมวย : "ส่วนหนึ่งก็มาจากธรรมะ ส่วนหนึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากการรักษา หมวยไม่ได้ว่านะ คนบางคนเค้าศึกษาจากธรรมะโดยถ่องแท้หรือเปล่า แต่หมอที่เราไปหาเค้ามีประกาศนียบัตรแน่นอน ยามีการรับรองแน่นอน เพราะฉะนั้นมันจะช่วยคุณได้มากกว่า แต่อันนี้เป็นวิธีเสริม แต่คนจะเสริมแบบไหนมันแล้วแต่จริตของคุณชอบอะไร บางคนชอบกีฬาเค้าก็จะไปบ้ากำลัง"

ระยะเวลาที่เป็นทั้งหมดกี่ปี ?

หมวย : "วังวนที่เป็นอยู่เป็น 10 ปี"

 

ตอนกลางคืนไม่หลับไม่นอนเกี่ยวมั้ยมี่จะเป็นไบโพลาร์ ?

หมวย : "ไม่จำเป็น ต้องถามว่าคุณสามารถไม่หลับไม่นอนได้ 7 วันมั้ย พี่หมวยเป็น ตอนที่เป็นไบโพลาร์ไม่หลับไม่นอน 7 วัน คำว่าไบโพลาร์ไม่ใช่แค่ว่าคุณนอนไม่หลับ บางทีมันเป็นความเครียดสะสม ความเครียดฉับพลัน"

ตอนไหนที่ป่วยเป็นไข้สูง 44 แล้วขับรถไปโรงพยาบาลเอง ?

หมวย : "อันนั้นตลกมาก รู้สึกว่าเป็นไข้ ไม่สบายเราก็ขับรถไป หมอ พยาบาลก็มาวัด เค้าบอกว่าไข้ 44 ทำไมไม่เรียกรถพยาบาลมา ทำไมขับรถมาเอง ตอนนั้นไม่รู้ ถ้ารู้คงเป็นลมตั้งแต่ที่บ้าน เข้าใจคำว่าจิตสั่งกายมั้ย เราคิดว่าเราเป็นแค่นี้ เราไม่ได้คิดว่าเป็นไข้หวัดสายพันธ์บี ฉีดยาทุก 4 ชั่วโมง ร่างกายดัดจริตไม่ตอบสนองยาต้องนำเข้า"

ที่บอกว่าเป็นมา 10 ปี ก็จะมีความรู้ทางด้านนี้เยอะ จนกระทั่งมีหลายๆที่เชิญพี่ให้ไปพูด ?

หมวย : "ใช่ค่ะ แพทยสภาเชิญพี่ไปเป็นแขกพิเศษ พูดแชร์ประสบการณ์ให้คนรู้ว่าไบโพลาร์คืออะไร ทุกคนเวลาทำผิดก็จะบอกว่าฉันเป็นไบโพลาร์ แล้วมีใครมาเซ็นให้คุณมั้ย แต่ตอนที่พี่เป็นไบโพลาร์คุณหมอบอกเลยว่า ถ้าคุณหมวยยิงคนตายไม่ต้องหนีเดี๋ยวผมมาเซ็น"

ไบโพลาร์มันเริ่มต้นจากการที่เขาบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า ?

หมวย : "ไบโพลาร์ ดิสออเดอร์ คือโรคซึมเศร้า คืออารมณ์สองขั้ว แต่ก็จะแตกแขนงไปอีก อันนี้ต้องถามหมอ เพราะเราทำงานเราไม่รู้หรอกมีอะไรมากระทบจิตใจเรา แล้วมันแกะไม่ออกแล้วซึมไปเรื่อยๆ มันทำให้เราห่อเหี่ยว จิตมันตก"

มีอะไรอยากจะบอกคนที่คิดว่าเป็นไบโพลาร์มั้ย ?

หมวย : "ถ้าคุณเป็น ขอแนะนำแบบนี้ว่า คุณอย่าคิดว่าคุณเป็นไบโพลาร์ หมอเคยถามว่าเราอยากทานยาชั่วชีวิตมั้ย เราบอกว่าไม่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องร่วมมือกับผม คุณต้องไปหาหมอรักษาอย่างถูกวิธี และตั้งใจจะหายจากมัน ไม่คบกับมันเป็นเพื่อนสนิท"