รอผลแพทย์ ก่อนเรียกครูพละตีก้นเด็ก ป.6 รับทราบข้อกล่าวหา
20 พ.ย. 2562, 14:44
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 พ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.ต.ท.อาทิตย์ ศรีสุพจน์ สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งครุ เผยถึงกรณี น.ส.อุมาพร เถาว์สี อายุ 29 ปี พา ด.ช.กฤษฎา หรือน้องพี เถาว์สี อายุ 12 ปี บุตรชาย นักเรียนชั้น ป.6/1 โรงเรียนวัดทุ่งครุ พึ่งสายอนุสรณ์ เข้าแจ้งความหลังถูกทำโทษด้วยการใช้ไม้พลองลูกเสือหวดก้นจนแตกลาย ว่า หลังรับแจ้งความตนได้ส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่ รพ.บางปะกอก 3 ต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ ออกมาก่อนจึงจะเรียก นายจักรพงศ์ รุ่งทวีมนัสชัย อายุ 52 ปี ครูพละคู่กรณีเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ในฐานความผิดที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตามวันนี้ทราบว่า ทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองและเด็กที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น จึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะต้องเรียกพยานเข้ามาสอบปากคำหรือไม่ และจะเรียกใครเข้ามาบ้าง อย่างไรก็ตามยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรีวิเชียร อินทจันทร์ ผอ.โรงเรียนวัดทุ่งครุ พึ่งสายอนุสรณ์ ได้พาตัว นายจักรพงศ์ รุ่งทวีมนัสชัย ครูพละคู่กรณี มาพบผู้ปกครองของเด็กๆ ที่อยู่ในวันที่เกิดเหตุเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา เข้าพบปะพูดคุยกันที่โรงเรียน นานประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น นายจักรพงศ์ เปิดเผยทั้งน้ำตา ว่า เรื่องนี้ตนยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตัวเองที่ลงโทษเด็ก แต่ตนไม่สามารถเล่าสิ่งใดให้ละเอียดไปได้มากกว่าข้อเท็จจริงคร่าวๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเด็กๆ ที่ถูกลงโทษก็เป็นลูกศิษย์ของตน ถ้าหากจะเล่าพฤติกรรมทั้งหมดของลูกศิษย์ตนผ่านสื่อมวลชนไป เกรงว่าจะไม่มีสถาบันใดรับลูกศิษย์ตนเข้าไปเรียนต่อ และอาจส่งผลต่ออนาคตของลูกศิษย์ตนได้
“ดังนั้นจึงอยากเล่ารายละเอียดที่เป็นจริงอย่างคร่าวๆ ว่า ก่อนหน้านี้มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งมาฟ้องตนว่า ถูก ด.ช.พี และเพื่อนๆ ในกลุ่มรวม 8 คน กลั่นแกล้งและทำร้ายร่างกาย เมื่อตนเรียก ด.ช.พี และเพื่อนๆ มาสอบถามปรากฏเป็นความจริง จึงได้ลงโทษด้วยการตีและสั่งให้รีบขึ้นห้องเรียน แต่ปรากฏว่า ด.ช.พี กลับเถลไถลไม่ยอมขึ้นห้องเรียน ตนจึงเรียกมาลงโทษอีก กระทั่งทราบในภายหลังว่าผู้ปกครองของ ด.ช.พี พาลูกชายเข้าไปแจ้งความ โดยหลังจากนี้หากพนักงานสอบสวนเรียกเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนก็พร้อมยอมรับและต้องเดินทางไปตามที่พนักงานสอบสวนเรียก แต่ท้ายที่สุดจะไกล่เกลี่ยกันได้หรือดำเนินคดีอย่างไรก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม” นายจักรพงศ์ กล่าว
ด้าน น.ส.อุมาพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ทราบพฤติกรรมของลูกตัวเองเลยเพราะครูไม่ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทราบ ยอมรับว่าตกใจที่เห็นแผลลูกจึงรีบพาไปแจ้งความกับตำรวจ อย่างไรก็ตามเมื่อรับรู้พฤติกรรมดังนี้ก็ต้องบอกว่าเสียใจ และหลังจากนี้ยินดีไกล่เกลี่ยยอมความ กับ นายจักรพงศ์ ต่อหน้าพนักงานสอบสวน แต่ตนอยากบอก นายจักรพงศ์ ว่า หากเด็กมีปัญหาลักษณะนี้ขึ้นอีกไม่ว่าเด็กคนไหน อยากให้ นายจักรพงศ์ แจ้งผู้ปกครองเด็กคนนั้นๆ เสียก่อนและเรียกเข้าพบเพื่อพูดคุยกันก่อนจะดีกว่า ตนว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดี และเป็นแนวทางที่ถูกต้องมากกว่าการลงโทษด้วยการตี จนเด็กได้รับบาดเจ็บ เพราะที่ผ่านมาก็ทราบว่าปัจจุบันนี้มีคำสั่งให้เลิกใช้วิธีการลงโทษเด็กด้วยการตีมาสักระยะแล้ว.