"เด็กหญิงวัย 13 ปี" ได้รับห้องน้ำจากกู้ภัย หลังเขียนจดหมาย-อยากมีห้องน้ำใช้เหมือนคนอื่น
17 มิ.ย. 2562, 12:46
วันที่ 17 มิ.ย.62 เวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า สืบเนื่องจาก มีเด็กหญิงรายหนึ่งได้เขียนจดหมายขอความช่วยเหลือผ่านทาง เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ด้วยข้อความที่ว่า "สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ด.ญ.กัลย์สุดา ชูช่วย หนูมาขอความเมตตาจากพี่ๆ และผู้ใหญ่ใจดี หนูอยากได้ห้องน้ำ เอาไว้ทำธุระส่วนตัว เพราะตอนนี้หนูและพ่อ จะขับถ่ายแต่ละครั้งก็ต้องไปขับถ่ายที่ทุ่งนา ตอนดึกๆหนูไม่กล้าไปคนเดียว เพราะมันมืดและอันตราย หนูและพ่ออยู่ด้วยกันสองคน เพราะว่าแม่ตั้งแต่ให้กำเนิดหนูแล้ว เขาก็ไม่ได้เลี้ยงดูหนูอีก รายได้ในแต่ละเดือนก็ 600 บาท เพราะพ่อหนูทำงานไม่ได้ เลยได้แค่เงินเดือนผู้สูงอายุอย่างเดียว ส่วนรายได้เสริมของพ่อและหนูก็คือ หาปลา หากบ ถ้าฝนตกก็จะจับอึ่ง เอาไว้กินบ้าง เอาขายบ้าง ปัจจุบันหนูอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนตลุกดู่วิทยาคม หนูอยู่บ้านเลขที่ 3 ชื่อหมู่บ้านหัวดงยาว ตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทันจังหวัดอุทัยธานี"
จนเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี ได้ลงพื้นที่สำรวจบ้านของเด็กหญิงรายดังกล่าว โดยพบ ด.ญ.กัลย์สุดา ชูช่วย หรือ น้องแมว อายุ 13 ปี และ นายสำเริง ชูช่วย หรือ ลุงอิน อายุ 66 ปี ผู้เป็นพ่อ โดยพบว่าสภาพความเป็นอยู่ของทั้ง 2 คนนั้น มีความลำบากตามที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นจริง จึงได้ออกมาขอรับธารน้ำใจจากประชาชน ในการร่วมกันช่วยเหลือเด็กหญิงรายดังกล่าว ตามประสงค์ที่ได้ร้องขอมา โดยใช้ช่องทางเฟสบุ๊ค ในการประชาสัมพันธ์เรื่องดังกล่าว และขอรับบริจาคเงินทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของน้องแมว โดยมีประชาชนทั้งในและต่างจังหวัด ตลอดจนห้างร้าน ได้ร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคทั้งเงิน ตลอดจนสิ่งของและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในการก่อสร้างห้องน้ำให้กับครอบครัวของ ด.ญ.กัลย์สุดาฯ ได้สำเร็จ
โดยทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี ได้ร่วมกันลงแรงกำลัง ทำการก่อสร้างห้องน้ำให้น้องแมวจนสำเร็จ และทำการส่งมอบห้องน้ำให้กับครอบครัวน้องแมว ซึ่งรวมงบประมาณในการก่อสร้างห้องน้ำทั้งสิ้น 20,000 บาท พร้อมด้วย ชุดเครื่องนอนและของใช้ต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้ากู้ภัยได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อมามอบให้ พร้อมทั้งยังมีห้างร้านที่ใจบุญร่วมสนับสนุนมาในบางส่วน สร้างความดีใจให้กับทั้ง 2 คน พ่อลูกเป็นอย่างมาก โดยได้กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ตลอดจนส่วนราชการ และผู้ใจบุญทุกคนที่ช่วยให้ความฝันของทั้ง 2 คนเป็นความจริง
ด้านทางอำเภอทัพทัน นำโดย นายอนุชา พัสถาน นายอำเภอทัพทัน ได้รวบรวมเงินที่ได้จากการร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่อำเภอ รวมเป็นเงิน 5,000 บาท มอบให้กับครอบครัวของน้องแมว เพื่อใช้เป็นทุนการศึกษา เนื่องจากน้องแมวนั้นเป็นเด็กเรียนดี มีความประพฤดี และขยันอีกด้วย จากนั้นทางอำเภอทัพทัน จะบูรณาการร่วมกับ เทศบาลตำบลตลุกดู่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำการซ่อมแซมบ้านให้กับครอบครัวของน้องแมว เนื่องจากสภาพบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้น มีสภาพผุพังและทรุดโทรมอย่างหนัก จนแทบไม่สามารถอยู่อาศัยได้ เนื่องจากบ้านนั้นก่อสร้างด้วยไม้ตาล ตีฝาบ้านด้วยซี่ไม้ไผ่ และคลุมทับด้วยผ้ายางสีดำ เพื่อกันลมแดดและฝน แต่ด้วยทุกส่วนของบ้านนั้นอยู่ในสภาพที่ผุพังทั้งหมด โดยในช่วงฤดูฝนนี้ ทั้ง 2 คน ต้องใช้ร่มกางทับมุ้งนอนอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนนั้นหยดลงมาใส่ ซึ่งหากปล่อยไว้นานกว่านี้ หากมีลมพายุพัดในพื้นที่รุนแรง เสี่ยงที่ทำให้บ้านนั้นล้มพังลงมาได้ และเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก
โดยเบื้องต้น ทางสำนักงานพัฒนาชุมชน ได้มอบเงินจำนวน 20,000 บาท ในการช่วยทำการซ่อมแซมบ้าน ด้านเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลตลุกดู่ ได้ลงพื้นที่เข้ามาทำการรังวัดพื้นที่ในการซ่อมแซมบ้านแล้ว ด้านความพร้อมในการซ่อมแซมบ้านที่ชัดเจนนั้น อยู่ในระหว่างการดำเนินงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า มีความพร้อมในการเข้าให้ความช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด และในระยะเวลาใด อีกด้วย
นายสำเริงฯ หรือ ลุงอิน ผู้เป็นพ่อ ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ดีใจมากที่ลูกสาวได้มีห้องน้ำใช้เหมือนคนอื่น ที่ผ่านมาสงสารลูกมาก แต่ด้วยความยากจนจึงไม่มีกำลังพอที่จะทำให้ลูกได้ และด้วยอายุที่มากขึ้นจึงทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว มีเพียงเงินจากเบี้ยผู้สูงอายุเท่านั่น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะยังชีพได้ในแต่ละเดือน ประกอบกับหากบ หาปลา และอึ่งอ่าง ไว้เป็นอาหารและขายช่วยได้บ้าง แต่ไม่มากพอ เดิมทีตนเองนั้นเป็นช่างทำแหวน แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น และอาการปวดหลังเวลาที่ต้องนั่งนานๆ จึงทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพดังกล่าวได้อีก
ตนเองนั้นได้เลี้ยงลูกสาวมาตั้งแต่เล็ก ยอมรับว่าลำบากมาก แต่พยายามเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด และจะบอกกับลูกเสมอว่า อดทนนะลูก ตั้งใจเรียน เรียนให้สูงๆจะได้ไม่ลำบาก ตอนนี้สิ่งที่ห่วงก็คือบ้านที่ผุพังทั้งหลัง จึงหวั่นใจว่าจะพังล้มลงมาหากเกิดลมพายุแรงๆในช่วงนี้ และที่ห่วงที่สุดคือ อนาคตของลูกสาว ตนเองอยากมีอาชีพที่จะพอมาเลี้ยงดูลูกได้ดีและยั่งยืนกว่านี้ ประกอบกับ อยากได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อมาไว้ใช้รูดซื้อของกินใช้ในครอบครัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ที่ภาครัฐได้เปิดทำการสำรวจนั้น ที่ดินจำนวนเกือบ 3 ไร่ เป็นชื่อของตนเองและพี่น้องรวม 3 คน
จึงทำให้ตอนที่สำรวจนั้น ตนเองและพี่น้องทั้ง 3 คน ไม่ได้รับสิทธิดังกล่าวทั้งหมด แต่ด้วยตอนนี้ ได้ทำการแบ่งที่ดินดังกล่าวออกแล้ว จึงทำให้ตอนนี้ตนเองมีที่ดินทั้งสิ้น 3 งาน จึงอยากขอให้ทางส่วนที่เกี่ยวข้อง ช่วยให้ตนเองนั้นได้บัตรสัวสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือในการซื้อของกินใช้ในบ้าน จะได้ไม่ต้องเชื่อสินค้ากับร้านค้าแถวบ้านทุกเดือน เพราะเกรงใจร้านค้ามาก และอยากให้เงินผู้สูงอายุที่นั้น เหลือไว้ให้ลูกสาวนั้นได้นำไปกินใช้ที่โรงเรียน นายสำเริง กล่าว