เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง กำลังเร่งไล่ล่า โจรรองเท้าแตะ สวมแมสปิดบังใบหน้า ก่อเหตุจี้ชิงทองคำ ในห้างทองริมถนนสายห้วยปราบปลวกแดง-บ่อวินศรีราชา ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง  ได้ทองคำ เส้นละ3 บาท ไปรวม 11 เส้น น้ำหนักรวม 33 บาท ก่อนหลบหนีหายไป เมื่อช่วง 19.40 น. วานนี้

 

 

ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค2 สืบสวนภูธรจังหวัดระยอง และ สืบสวน สภ.ปลวกแดง ต่างกำลังไล่ล่าตามหาโจรรองเท้าแตะ กันอย่างพลิกแผ่นดิน โดย พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้ลงพื้นที่ประชุม ตลอดช่วงดึกของคืนเกิดเหตุ พร้อมสั่งการกำชับ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้องออกหาข่าวติดตามคนร้ายในทันที พร้อมกับตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีไป

 

หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อาจเป็นไปได้ว่า ในพื้นที่เกิดเหตุ มีร้านทองเปิดจำหน่ายทองคำรูปพรรณ ให้กับลูกค้าที่ปลูกสร้างติดกัน ทำให้เกิดการแข่งขันในการขาย จนจำเป็นต้องเปิดให้บริการจำหน่าย ในยามค่ำคืน ตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่ง ยัน 3-4 ทุ่ม ที่ในเวลานั้นก็ยังมีกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม มาใช้บริการจำนวนมาก

 

 

ซึ่งเป็นจังหวะที่โจรผู้ก่อเหตุ อาศัย ช่วงเวลา ดังกล่าว วางแผน เตรียมแผนการปล้นในการหลบหนีไปได้อย่างลอยนวลก็เป็นได้ และ ชาวบ้านเชื่ออีกว่าสาเหตุน่าจะมาจากเพราะการแข่งขันทางธุรกิจเป็นสาเหตุให้โจรสบโอกาสก่อเหตุได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามทางด้าน พ.ต.ท.เชวลิต สุธรรมมาจารย์ รอง ผกก. (สืบสวน) สภ.ปลวกแดง ได้เผยหลังลงพื้นที่สอบสวน สืบสวน ในที่เกิดเหตุ ว่าขณะนี้คาดว่าเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไปในทิศทางบ้านบ่อวิน จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นรอยติดต่อกัน แต่จากการสอบสวนเจ้าของร้าน และ พนักงานในร้านขณะเกิดเหตุ พอระบุได้ว่าคนร้ายมีอายุ ประมาณ 20 ปี กว่าๆ และยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เข้ามาทำที ดูทองตั้งแต่ เย็นวันพุธ และ พฤหัส พูดคุยทำทีว่าเลือกจองทองไว้ก่อน ซึ่งพนักงานในร้านค่อนข้างจะคุ้นหน้า กระทั่ง ช่วงค่ำวันศุกร์ คนร้ายได้เข้ามาก่อเหตุ และจากการสอบสวนพอระบุได้อีกว่า คนร้ายไม่ใช่โจรมืออาชีพ ด้วยในขณะก่อเหตุ คนร้ายเหมือน กำลังใช้ความคิด ลังเลใจ ในการก่อเหตุ ว่า จะชิงทรัพย์ดีหรือไม่ ซึ่งใช้เวลาคุ้นคิดอยู่เพียงเสี้ยวนาที ในขณะที่ลองสวมใส่สร้อยคอทองคำ ถึง3 ครั้ง ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าว