เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"อดีตข้าราชการบำนาญ" ผันตัวน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำสวนเกษตรอินทรีย์


18 มิ.ย. 2562, 14:23



"อดีตข้าราชการบำนาญ" ผันตัวน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำสวนเกษตรอินทรีย์




 

 

วันนี้ 18 มิ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้เดินทางไปยังสวนเกษตรอินทรีย์วิถีธัม  หมู่ที่ 2 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสวนเกษตรผสมผสานของ ร้อยเอกจิระพงษ์ หรือลุงอ้วน อมรดิษฐ์ วัย 57 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ หัวหน้าแผนกพืชกรรม กองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี  ซึ่งได้ใช้ชีวิตหลังอำลาชีวิตราชการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการดำรงชีวิตกับครอบครัวในพื้นที่ของตนเอง

 

โดยนายจิระพงษ์ หรือลุงอ้วนกล่าวว่า เดิมทีตนได้ลาออกจากราชการก่อนกำหนดและหันมาทำการเกษตรอย่างจริงจังโดยคิดว่าตนเองมีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะสามารถทำการเกษตรได้แต่ที่แท้จริงแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเริ่มแรกตนได้ทำการเกษตรเชิงเดี่ยวโดยการปลูกเผือก ทำข้าวแต่จริงแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเนื่องจากมีปัญหาและอุปสรรคต่างๆนาๆซึ่งมันไม่ง่ายอย่างที่ตนคิดว่าอย่างสิ้นเชิง  ตนจึงเกิดแนวคิดใหม่โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้โดยยึดหลักปลูกทุกอย่างที่กินกินทุกอย่างที่ปลูก

 

โดยเริ่มจากการปลูกผักสวนครัวผสมผสาน เช่นมะเขือเปราะ,มะเขือยาว,มะเขือพวง,มะนาว,มะกรูด,ถั่วฝักยาว,แตงกวา,ฟักทอง รวมทั้งเลี้ยงปลาในบ่อดินธรรมชาติที่มีน้ำตลอดทั้งปี ประกอบกับในช่วงชีวิตการรับราชการตนได้เป็นวิทยากรบรรยายให้กับหน่วยงานหลายแห่งจึงได้นำความรู้และประสบการณ์มาปรับใช้ในการทำสวนเกษตรโดยปลอดสารเคมี จนเกิดความเข้าใจอย่างท่องแท้ขึ้นมาเรื่อยๆ และได้เปลี่ยนความคิดใหม่ที่ว่าในปัจจุบันรัฐบาลได้สนับสนุนโครงการประชารัฐ  ตลาดเกษตรโดยเน้นให้เกษตรกรนำผลผลิตไปขายเองมีรายได้โดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง 

 

ตนจึงคิดว่ามาถูกทาง จึงคิดที่จะทำการปลูกผักขึ้นมาในจำนวนที่พอเพียง  ทั้งที่พื้นที่ของตนสามารถปลูกได้ในปริมาณที่มากๆ แต่ตนไม่ต้องการทำอย่างนั้นเพียงแค่คิดว่าจะปลูกในปริมาณที่ตัวเองพอกินและพอเหมาะสำหรับนำไปจำหน่ายสามารถเก็บขายได้ทุกวัน  เช่น การปลูกถั่วฝักยาวก็จะปลูกเพียง 400 ต้นทุกๆ 15 วัน และจะสามารถเก็บขายได้ทุกวันประมาณ 2 กิโลกรัมต่อวันจะได้เงินมาประมาณ 100 บาท นอกจากนั้นยังมีมะเขือที่ปลูกไว้จำนวน 400 ต้น

 

 

 

               

 



โดยในหนึ่งปีสามารถเก็บได้ต้นละประมาณ 10 กิโล ก็จะมีรายได้มาเพิ่มเติมนับแสนบาทต่อปี รวมถึงใบมะกรูด กล้วย พริกที่ยังสามารถเก็บได้เกือบทุกวันแต่ต้องมีความเข้าใจว่าผักแต่ละชนิดต้องการอะไร ให้เขาอยู่ในพื้นที่สภาพไหน เสมือนว่าเป็นสิ่งมีชีวิต  และที่ถือว่าเป็นความโชคดีในพื้นที่ของตนที่ตั้งใจจะทำแปลงปลูกพืชผักสวนครัวซึ่งจากเดิมเป็นนาข้าว จึงได้ทำการยกร่องแปลงผักขึ้นเพื่อจะปลูกมะละกอ กล้วย แต่ตนยังไม่มีเวลาเพาะปลูกจึงเป็นแปลงร้างแต่เวลาผ่านไปจากที่นาร้างกับเป็นความโชคดีกับมีผักบุ้งขึ้นมาตามธรรมชาติจำนวนมาก  ตนจึงทำการเก็บโดยเฉลี่ยวันละ100 กำกำละ 10 บาทเพื่อนำไปขายยังตลาดเกษตรศาลากลางและชุกโดนทุกวัน เฉลี่ยวันละ 1,000บาทสำหรับยอดผักบุ้ง รวมทั้งผักอื่นๆในสวนของตนวันละประมาณ 2,000-2,500 บาทในแต่ละวันซึ่งถือเป็นอาชีพเสริมที่ทำรายได้อย่างงามในช่วงนี้  ลุงอ้วนกล่าวต่ออีกว่า

 

สำหรับตอนนี้ตนมีความสุขกับชีวิตประจำวันในการทำสวน จากที่เคยต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงแต่พอมาได้ทำสวนเกษตร กินผลผลิตภายในสวน ตนก็หายเป็นปกติกับมาเดินได้อีกครั้งพร้อมทั้งมีร่างกายที่แข็งแรงจากเดิมโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะชีวิตประจำวันที่ทำอยู่หรือไม่   นอกจากนั้นตั้งแต่หันมาทำสวนเกษตรทุกวันนี้แทบจะไม่ได้ใช้เงินซื้อของอะไรเลย แถมมีเงินเหลือเก็บอีกด้วย

 

 


นายจิระพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับพืชอาหารที่เอาไปขายให้กับลูกค้าไม่มีสารพิษเป็นผักออแกนิคทั้งหมดโดยใช้มูลสัตว์และวัชพืชมาเป็นปุ๋ยบำรุงดิน และในอนาคตจะทำการพัฒนาผืนดินผืนนี้ให้ทันสมัยพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนทั่วไป  ยินดีที่จะให้ความรู้เท่าที่ตนเองมีแล้วก็ตามที่เป็นจริงสามารถเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ พึ่งพาตนเองได้ ชีวิตก็จะมีความสุขถ้าเรามีความพอเพียง ลุงอ้วนกล่าว

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.