เมื่อวันที่ 2 ธ.ค 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าหินงาม อายุกว่า 170 ล้านปี อยู่ด้านข้างศาลาทม ปรากฏว่าได้มีบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศพากันเดินทางมาเที่ยวชมความงามของป่าหินงามกันอย่างคึกคักมาก โดยป่าหินงามแห่งนี้ มีการตกแต่งอย่างสวยงาม มีทางเดินที่ปูด้วยหิน ประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ มีน้ำพุและพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ พร้อมทั้งมีการทำสวนหย่อมเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ๆ แฝงด้วยกลิ่นอายของหินโบราณตามธรรมชาติ ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวต่างพากันนำบุตรหลานมาเดินชมหินโบราณ และพากันศึกษาธรรมชาติของหินกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากว่า หินโบราณมีสีสันและรูปลักษณะที่แปลกตามาก มีการนำเอาเชือกขนาดใหญ่มามัดก้อนหินไว้ เป็นการมัดเชือกตกแต่งอย่างเป็นศิลปะแฝงด้วยปริศนาธรรม อีกทั้งมีการนำเอาหินมาจัดเป็นศิลปะอย่างสวยงาม มีความร่มรื่นด้วยกิ่งใบของต้นไม้  ทำให้นักท่องเที่ยวพากันเดินเที่ยวภายในป่าหินงามและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันอย่างเพลิดเพลิน เด็กพากันวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมี พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา และนายสมยศ พันธุ์มา เลขานุการมูลนิธิหลวงปู่สรวง คอยดูแล และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว

นายสมยศ พันธุ์มา เลขานุการมูลนิธิหลวงปู่สรวง กล่าวว่า ป่าหินงามนี้ จัดสร้างขึ้นตามนโยบายของ พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ที่ต้องการให้มีแหล่งศึกษาทรัพยากรทางธรรมชาติ หินต่าง ๆ ที่นำมาจัดสร้างป่าหินงามนี้ เป็นหินที่มีอายุมากกว่า 170 ล้านปี มีอยู่ตามเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งกั้นระหว่างแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีการตรวจสอบสภาพและอายุของหินทั้งหมดแล้ว ซึ่งเมื่อพุทธศาสนิกชนขึ้นไปกราบขอพรจากสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สรวงแล้ว ก็จะพากันมาเที่ยวชมป่าหินงามแห่งนี้ ซึ่งป่าหินงามแห่งนี้จะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของหินต่าง ๆ ที่มีอายุมากกว่า 170 ล้านปี โดยในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวพากันมาเที่ยวชมป่าหินงามกันเป็นจำนวนมาก

พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.)และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา กล่าวว่า การที่อาตมาภาพนำเอาเชือกมามัดรอบก้อนหินโบราณอายุกว่า 170 ล้านปีนั้น เพื่อเป็นปริศนาธรรมสอนพุทธศาสนิกชนว่า เชือกเส้นเล็กๆ เพียงเส้นเดียว อาจจะไม่สามารถที่จะใช้ในการมัดสิ่งของที่มีขนาดใหญ่โตได้ แต่หากว่า นำเอาเชือกเส้นเล็กๆ หลายเส้นมารวมกันแล้ว เชือกก็จะมีความแข็งแรงสามารถดึงลากช้าง ดึงเรือขนาดใหญ่ หรือว่า มัดก้อนหินที่มีขนาดใหญ่โตได้อย่างแน่นหนา เป็นการสอนให้คนมีความรักความสามัคคี ปรองดองกัน ซึ่งความรักสามัคคีปรองดองจะช่วยให้สามารถเอาชนะฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้