ตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย บุกทลาย "แก๊งคอนเซ็นเตอร์ชาวจีน" ตั้งฐานในไทยหลอกคนจีน
4 ธ.ค. 2562, 19:55
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 4 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ภายใต้การอำนวยการ และสั่งการของ พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท.พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผบก.ทท.3 พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ รอง ผบก.ทท.3 พ.ต.ท.สัญชัย ถิ่นวงษ์แดง รอง ผกก.2 บก.ทท.3 ได้มอบหมายและสั่งให้ พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 ร.ต.ท.วินิจ บุญชิต รอง.สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 นำกำลังตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย เข้าทำการบุกทลายเครือข่ายแก๊งคอนเซ็นเตอร์ รายใหญ่บนเกาะสมุย ขณะที่แอบมาเช่าเปิดอพาร์ทเม้นท์ แห่งหนึ่ง ภายในซอยลานทอง หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงพบผู้ต้องหาชาวจีนแตกกระเจิง แต่ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้เนื่องจากอพาร์ทเม้นท์ ดังกล่าวมีทางเข้าออกได้ทางเดียว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ พร้อมให้นำเอกสารหนังสือเดินทางมาแสดง แต่ผู้ต้องหาชาวจีนทั้งหญิงและชาย จำนวน 53 คน ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้
จากการตรวจค้นพบว่า ผู้ต้องหาชาวจีนมาแอบเปิดห้องพักทั้งหมด จำนวน 21 ห้อง และจำนวน 4 ห้อง ใช้เป็นห้องทำงาน โดยทำการติดตั้งอุปกรณ์ อินเทอร์เน็ต และคอมพิวเตอร์ จำนวน 40 ตัว และมีเครื่องรูดการ์ดบัตรเครดิต เครื่องคิดเลข ซิมโทรศัพท์จากประเทศจีน และโทรศัพท์ โดยมีอุปกรณ์ต่างๆ หลายร้อยรายการ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำตัวชาวจีนผู้ต้องหาทั้งหมดมารวมกัน และนำผู้ต้องหาที่สามารถพูดอังกฤษได้ มาทำการสอบปากคำ
ในเบื้องต้น ผู้ต้องหา อ้างว่า ทุกคนถูกหลอกมาทำงานที่ประเทศไทย ให้มาเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ หรือคอนเซ็นเตอร์ รับโทรศัพท์ และพูดคุยทางแอปพิเคชันภาษาจีนกับลูกค้า ซึ่งผู้ต้องหายังกล่าวอีกว่า เพิ่งมาเช่าที่พักแห่งนี้ได้มาประมาณ 3 อาทิตย์ ซึ่งการทำงานแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันไป ด้วยการโทรศัพท์ ติดต่อไปที่ลูกค้าที่ประเทศจีนด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อหลอกให้โอนเงิน ซึ่งผู้ต้องหา ที่มาทำหน้าที่เป็นพนักงาน ต้องหาลูกค้าให้ได้ คนละ 5 ล้านบาท ต่อเดือน และจะได้ค่าตอบแทนเดือนละ 50,000 บาท ผู้ต้องหากล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 เปิดเผยว่า จากการสอบถามและตรวจสอบ พบว่าก่อนจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ รายงานว่า มีกลุ่มคนจีนแอบมาเช่าเปิดที่พักที่อพาร์ทเม้นท์ ดังกล่าว มีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงได้วางแผนทำการตรวจสอบ และทราบว่าน่าจะเป็นแก๊งคอนเซ็นเตอร์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และนำกำลังเข้าทำการปิดล้อมและจับกุม ในเบื้องต้นจากการสอบถาม ผู้ต้องหาชาวจีนรายหนึ่งเปิดเผยว่าตัวเองถูกหลอกมาจากประเทศจีน ให้มาทำงานในเมืองไทย เมื่อมาถึงได้มีหัวหน้าขบวนการ ได้ให้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานระหว่างคนจีน ที่อยู่ในประเทศจีน “เพื่อหลอกให้คนจีนซื้อหุ้น โดยแก๊งนี้ จะทำเป็นว่าได้เปิดบริษัททำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินทุนหุ้นหลักทรัพย์ โดยมีข้อเสนอต่างๆ ให้คนจีนเชื่อใจ และโอนเงินเข้ามาเมื่อได้จำนวนเงินยอดที่พอใจ แก๊งคอนเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ก็จะปิดแอปพิเคชัน และเปิดซิมโทรศัพท์ใหม่ และจะตระเวนเปลี่ยนฐานในประเทศไทยไปเรื่อยๆ แต่อาศัยประเทศไทยเป็นฐานในการหลอกคนจีนด้วยกัน ไม่ได้หลอกหลวงคนไทย โดยคนจีนหลอกคนจีนกันเอง”
พ.ต.ท.ภูวดล ยังกล่าวต่ออีกว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางแม้แต่คนเดียวแต่เชื่อว่ามีหัวหน้าเป็นคนเก็บหนังสือเดินทางของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งการตรวจค้นบุกจับกุมในครั้งนี้ ทางตำรวจท่องเที่ยวยึดอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปตรวจสอบ แต่ยังไม่สามารถประเมินค่ายอดเงินที่แก๊งคอนเซ็นเตอร์กลุ่มนี้หลอกมาได้ ต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง และคาดว่าแก๊งนี้เป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุดเท่าจับกุมได้ในพื้นที่ภาคใต้ เเต่เชื่อว่าแก๊งนี้มีรายได้จากการหลอกคนจีนด้วยกันเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่ต้องรอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง และในเบื้องต้น จะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ในคดีหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน และกระทำการใดๆ ต่อความมั่นคง ต่อไป