เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่แถลงข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ คาดว่าคนไทยมีเอี่ยว (มีคลิป)


5 ธ.ค. 2562, 18:45



รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่แถลงข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ คาดว่าคนไทยมีเอี่ยว (มีคลิป)




 

 

 

 

 

 

ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า รอง.ผบ.ตร. พร้อม ผบช.ทท. รอง.ผบช.ภ. 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบอพาร์ทเม้นท์ ที่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใช้เป็นฐาน หลอกคนจีนด้วยกันให้โอนเงิน ภายหลังตำรวจท่องเที่ยวสมุยบุกทลายจับกุมไว้ได้ยกแก๊ง จำนวน 59 คน ด้าน รอง.ผบ.ตร. เผยมีคนไทยเอี่ยวกับแก๊งขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ด้วย ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 5 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8.พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี   พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม. จว.สุราษฎร์ธานี  พ.ต.อ.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา ผกก.สภ.บ่อผุด ตำรวจ พิสูจน์หลักฐาน 8 และ ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่ ตรวจสอบ ที่อพาร์ทเม้นท์ ขนาดสามชั้น แห่งหนึ่ง ภายในซอยลานทอง หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 



เพื่อตรวจสอบของกลาง จากกรณี พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 ร.ต.ท.วินิจ บุญชิต รอง.สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 พร้อมกำลังตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย  ได้นำกำลังบุกเข้าทลายจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รายใหญ่บนเกาะสมุย ที่ใช้อพาร์ทเม้นท์ ดังกล่าว เปิดเป็นสำนักงาน และเป็นที่พัก จำนวน 21 ห้อง มีผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนทั้งชายและหญิงจำนวน 59 คน แยกเป็นชายจำนวน  47 คน หญิง 12 คน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์   จำนวน 71 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 289 เครื่อง ซิมโทรศัพท์ประเทศจีนอีกจำนวน 123 ชิ้น และบัตรเครดิตการ์ด จำนวน 114 ใบ ยึดเงินสกุลไทยไว้ได้จำนวน 203,566 บาท เเละเงินสกุลดอลล่าร์ จำนวน 704 ดอลล่าร์  ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยวได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ได้ พร้อมยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่ามียอดเงินหมุนเวียนผ่านเเก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งชาวจีนแก๊งนี้จำนวนมหาศาล 

 

 

 

 

 

 

ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ที่เดินทางมาตรวจสอบพร้อมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่าต้องขอชื่นชมตำรวจท่องเที่ยว ที่ร่วมกันบูรณาการกวาดล้างกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในครั้งนี้ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา ที่มาใช้เกาะสมุย เป็นฐาน ในการหลอกลวงชาจีนด้วยกัน โดยใช้วิธีการพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เเก๊งนี้ จะทำการหลอกชักชวนให้ ชาวจีนเล่นหุ้น และเล่นเกมส์ออนไลน์ และเล่นการพนัน โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยแก๊งนี้ได้ทำการเช่าอพาร์ทเม้นท์ ทั้งหมด เอาไว้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ซึ่งตนได้ประสานพร้อมอธิบายไปที่ทางรัฐบาลจีนให้ทราบเรื่องแล้ว เนื่องจากแก๊งนี้ไม่ได้หลอกคนไทยแต่ใช้เกาะสมุยเป็นฐานเพื่อหลอกคนจีนด้วยกัน ในเรื่องของความเสียหายในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอตรวจรายละเอียดและข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน อิเล็กทรอนิกส์ มาตรวจสอบ 

 


โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังเปิดเผยอีกว่า ทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร ได้กำชับเป็นนโยบายหลักอยู่แล้ว ในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองท่องเที่ยว เราต้องการนักท่องเที่ยว ที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องปลอดภัย ท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและประทับใจ และไม่ต้องการนักท่องเที่ยวที่มาประกอบอาชญากรรมเข้าชาติแบบนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ ทางรัฐบาลไทยได้พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งประเทศไทยเราเองไม่ต้องการให้มีแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เดินทางเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นที่ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ซึ่งทางรัฐบาลไทยก็ได้เร่งกวดขันจับกุมอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งในเรื่องนี้ ต้องขอฝากไปถึงผู้ประกอบการ ที่ให้ที่พักพิงกับคนกลุ่มนี้ หากเห็นผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที ขอให้ผู้ประกอบการอย่าละเลยในเรื่องของความมั่นคง 

 

 

 

 

 

 

ชมคลิป

 

ทั้งนี้ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.  ยังได้เปิดเผยต่ออีกว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ มีคนไทยเข้าไปมีเอี่ยวด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจเองรู้ตัวแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัว มาสอบหาข้อเท็จจริง ว่ากลุ่มคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมได้ผลประโยชน์ประมาณไหน ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและหลักฐาน ที่ทางตำรวจท่องเที่ยวกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่  ซึ่งอีกหลายปัจจัยที่ต้องคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องขออาชญากรรมข้ามชาติ 

ขณะเดียวกันทางเจ้าของที่พัก ทางตำรวจก็ต้องเรียกตัวมาสอบ เนื่องจากพบข้อมูลว่า มีการทำสัญญาเช่ากันเป็นรายปี โดยแก๊งนี้ จะมาพักประมาณครั้งละ 1 เดือน และให้ชุดใหม่เข้ามาอยู่ โดยจะสลับหมุนเวียนกันไป คือชุดเก่าไปชุดใหม่มา และมาใช้ที่พักแห่งนี้เป็นฐาน ในการทำผิดกฎหมาย และประการสำคัญ จะทำการตรวสอบในเรื่องการขออนุญาตในการต่อเติมดัดเเปลงที่พักอีกด้วย โดยทางตำรวจ ท่องเที่ยว ตำรวจ ภาค 8 ตำรวจ สุราษฎร์ธานี และตำรวจ สภ.บ่อผุด และ ตม. และตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาข้อมูลเพื่อเอาผิดกับเจ้าของที่พัก ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน  

ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดี ในเบื้องต้น ได้ให้ ทางตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายไว้ก่อน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. กล่าว.






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.