รวบยกแก๊ง "โกงตาชั่ง" หลอกซื้อหมู ยายวัย 65 ปี ก่อนหลบหนี
6 ธ.ค. 2562, 19:04
วันนี้ 6 ธันวาคม 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ สภ.สวาย ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ นางพูล สืบสวน อายุ 65 ปี พร้อมนายคณนาถส์ สืบสวน อายุ 38 ปี ลูกชาย อยู่บ้านเลขที่ 107/1 หมู่ 2 บ.ตาลอด ต.สวาย อ.เมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เชษฎฐ์สุชา ไกรแก้วโชติรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวาย ให้ดำเนินคดีกับนายปัญญา หรือโด้ ดุจจานุทัศน์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/4 บ.ตามีย์ ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสุทธิศักดิ์ หรือมด สกุลจันทร์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่22 บ้านปวงตึก ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมพวกอีก 3 คน รวม 5 คน หลังก่อเหตุหลอกซื้อหมูไปจำนวน 9 ตัว แต่โกงตาชั่งน้ำหนัก แล้วหนีไป จนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ทั้งหมด พร้อมรถยนต์ปิกอัพที่ใช้ขนหมูหนี
โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ผ่านมา นายปัญญา หรือโด้ ดุจจานุทัศน์ อายุ 38 ปี นายสุทธิศักดิ์ หรือมด สกุลจันทร์ อายุ 36 ปี พร้อมพวกอีก 3 คนรวม 5 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอน-เทา ทะเบียน บฐ 7400 สุรินทร์ เข้ามานางพูล ที่บ้านเพื่อขอซื้อหมูที่เลี้ยงไว้ที่คอกในสวน จำนวน 9 ตัว โดยจะให้ราคาตามท้องตลาด กิโลกรัมละ 56 บาท โดยได้ใช้วาจาหวาดล้อมจนนางพูล ยอมขายหมูให้ จากนั้นได้นำรถยนต์ปิกอัพเข้าไปชั่งหมูจำนวน 9 ตัว ที่คอก ก่อนนำขึ้นรถ ซึ่งในจังหวะที่ทำการนำหมูมาชั่งนายคณนาถน์ ลูกชายนางพูลได้มาพอดีและให้ไปดูการชั่งหมู และจดน้ำหนักไว้ โดยตาชั่งเป็นของกลุ่มคนร้ายนำมาเอง ซึ่งการชั่งแต่ละครั้งจะไม่ให้เข้าไปดูตาชั่งเลย และพยายามพูดหวาดล้อมไปทั่ว จนกระทั่งชั่งเสร็จ แล้วจ่ายเงินให้จำนวน 3,5000 บาทจากนั้นนำหมูขึ้นรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ในจังหวะที่รถยนต์ขนหมูจะขับออกไปลูกชายนางพูล ได้ เอะใจ นำจำนวนเงินที่ได้มาหารจำนวนหมูทั้ง 9 ตัว ได้ตัวละ 3800 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่สองตัวเพิ่งขายออกไปก่อนหน้านี้ได้ตัวละ 6,000 บาท ขึ้นไป และน้ำหนักหมูตัวละ 100 กว่า กิโลกรัม แต่ทำไมหมูที่กลุ่มคนร้ายมาซื้อยยัดใส่กรง 2 ตัว ชั่งได้เพียง 150 กิโลกรัม เป็นไม่ได้แน่นอน จึงรู้ตัวว่าโดยโกงแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายดังกล่าว พร้อมกันนี้วีดีโดวงจรปิดในหมู่บ้านจับภาพกลุ่มคนร้ายได้ชัดเจนขณะขับรถยนต์ขนหมูหนี ตามเส้นทางในหมู่บ้าน ก่อนขึ้นถนนใหญ่หนีหายไป
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมชุดสืบสวน สภ.สวาย ได้ออกสืบสวนและติดตามจับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเร่งด่วน จนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดรวม 5 คน ประกอบด้วยนายปัญญา หรือโด้ ดุจจานุทัศน์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/4 บ.ตามีย์ ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ทำหน้าที่ขับรถยนต์ เจรจา และหาทุน นายสุทธิศักดิ์ หรือมด สกุลจันทร์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่22 บ้านปวงตึก ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ทำหน้าที่จ่ายเงินค่าหมู พร้อมพวกอีก 3 คน ทำหน้าที่ช่วยจับหมู ยกกรงหมูขึ้นตาชั่ง ได้ส่วนแบ่งคนละ 500 บาท
โดยทั้ง 5 คน รับสารภาพโกงตาชั่งน้ำหนักหมูจริง ซึ่งคนร้ายจะแบ่งหน้าที่ทำงาน โดยคนยกหมูขึ้นตาชั่ง 2 คน จะใช้เท้ายันกรงหมูไว้ และไม่ทิ้งน้ำหนักกรงหมู ลงบนตาชั่งทั้งหมด ใช้กำลังแขนดึงรั้งน้ำหนักไว้ โดยให้เจ้าของหมูจดน้ำหนักเอง และนายปัญญา จะชวนพูดคุยไม่หยุด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการชั่งน้ำหนัก ไม้ให้สังเกตเห็นความผิดปกติ เมื่อได้หมูมาแล้วก็จะนำไปขายที่โรงงานฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านนาฮัง เขต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ การหลบหนีโดยจะใช้ถนนสุรินทร์-ปราสาท เลี่ยงเมือง แยกโรบิลสันเลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปยัง อ.ศีขรภูมิ ทำมาหลายพื้นที่ทั้งในจังหวัดสุรินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโกงตาชั่งน้ำหนัก ต่อไป
นางพูล สืบสวน อายุ 65 ปี ผู้เสียหาย เผยว่า หมูที่โดนโกงไปทั้งหมดจำนวน 9 ตัว ที่รู้เพราะลูกชายบอกว่า มันไม่ถูกต้อง หมู 3 ตัวได้หมื่นเดียว ตนเลยบอกให้ลูกไปแจ้งความตำรวจ เพราะเมื่อเช้าก่อนหน้าแก็งค์นี้จะมาซื้อ เพิ่งขายหมูคอกเดียวกันไป 2 ตัว ให้กับคนในหมู่บ้านไป ได้เงินตัวละ 6 พันกว่าบาท แต่นี่ 3 ตัวหมื่นเดียว ลูกชายก็เลยไม่เชื่อ และคิดว่าถูกโกงตาชั่งแน่นอน ตอนนี้ตำรวจจับคนที่โกงมาได้ทั้งหมดแล้ว ตนเห็นก็จำได้ชัดว่าใช่พวกที่ไปวันนั้นทั้งหมด หนึ่งในกลุ่มคนร้ายโกงตาชั่งน้ำหนัก เมื่อปี พ.ศ.2548 หรือ 13 ปี่ที่ผ่านมา พ่อเขาก็มาโกงชื้อหมูของตนไปแล้วครั้งหนึ่งจำนวน 7 ตัว
ขณะที่ชาวบ้านโดนโอก ต.นาบัว อ.เมืองสุรินทร์ ได้เดินทางมาติดต่อราชการที่ สภ.สวาย และพบเหตุเหตุการณ์ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในหมู่บ้านของตน เพื่อนบ้านก็เคยถูกโกงตาชั่ง หรือโกงเอาหมู่ไปต่อหน้าต่อตา โดยคนร้ายไม่จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว พอยกหมูที่ชั่งน้ำหนักแล้วขึ้นรถปิกอัพ จากนั้นก็ขับหลบหนีไป ทำความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เป็นอย่างมาก
พ.ต.ท.เชษฎฐ์สุชา ไกรแก้วโชติรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.สวาย กล่าว่า ได้เชิญตัวมาและยึดรถคันก่อเหตุไว้ และให้เจรจากัน คือบอกคุณยายให้รับเงินก่อน เพื่อตะล่อมให้พาพวกที่เหลือมาอีก 3 คน แล้วมาคุยกันในวันนี้ แต่ทางคุณยายไม่ยอมอยู่แล้ว คือรับเงินแต่ว่าในทางเพ่งก็จบไป แต่ในทางคดีอาญาก็ยังยืนยันที่จะให้ดำเนินคดีต่อ และเคยมีก่อนหน้านั้นรอบหนึ่งก็เป็นพ่อของผู้ต้องหาที่มา ทำแบบเดียวกันนี้กับยายพูล
นายคณนาถส์ สืบสวน อายุ 38 ปี ลูกชายผู้เสียหาย บอกว่า วันนั้นพวกที่มาซื้อบอกให้ตนเป็นคนจดน้ำหนักหมูแต่ละตาชัง ซึ่งเป็นตาชั่งที่เขานำมาเอง มีทั้งหมด 6 ตาชัง มากันทั้งหมด 5 คน โดยปกติแล้วเวลาขายตามบ้านเขาจะชั่งกันทีละกรง แล้วจะเขียนไว้ว่ากรงนี้กี่กิโลกรงนี้กี่กิโล แล้วจะจับมาขายทีละกรง แต่นี่จับหมูมายัดใส่กรงละ 2 ตัวแล้วชั่ง คือหมูที่ขายขั้นต่ำอยู่ที่ตัวละร้อยกว่ากิโล เพราะว่าเป็นหมูสี่เดือนกว่าทั้งหมด แต่ที่เขาชั่ง 2 ตัวได้ 150 กว่ากิโลกรัม ตนมาเอะใจตอน 2 กรงสุดท้าย ที่ขึ้นชั่งตัวเดียวแต่หมูมีน้ำหนัก 90 กว่ากิโล แล้วทำไมเวลาชั่ง 2 ตัว ได้ 150 กว่ากิโลเท่านั้น น้ำหนักหายไปตั้งเยอะ และคนที่ยกหมูออกจากตาชั่งก็ไม่ยอมออกห่างจากตาชั่งด้วย พอตนจะไปดูข้างหลังตาชั่งเขาก็ไม่ให้ดู ตอนแรกคิดว่าเป็นคนที่มาซื้อหมูกับแม่เป็นประจำก็เลยไม่สนใจมากนัก ตนมารู้ตอนที่เขาเอาหมูออกไปแล้วจะเรียกก็ไม่ทัน เพราะว่าตนเอาเงินสามหมื่นห้ามาหารเก้าดู เลยบอกแม่ว่าเราขายหมูได้ตัวละ 3,888 บาทเอง คือหมูราคานี้เลี้ยงแค่เดือนกว่าก็ได้แล้วราคานี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ราคานี้ และตอนเช้าเพิ่งขายให้คนในหมู่บ้านไปได้ตัวละ 6 พันกว่าบาท ขั้นต่ำอยู่ที่ตัวละ 6,200 บาท ตนก็เลยมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามจนสามารถรวบตัวไว้ได้ ตอนนี้ผู้ต้องหาบอกว่าหมูถูกนำไปเชือดเรียบร้อยแล้วที่อำเภอศีขรภูมิ