พลเมืองดีมีเฮ รับไปเลย 1 หมื่น หากแจ้งเบาะแส จับผู้ลักลอบเผาป่า-คนทำผิดคุกอ่วม 30 ปี ปรับ 3 ล้าน
13 ธ.ค. 2562, 15:01
วันนี้ 13 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าว ON news รายงานว่า นายนิพนธ์จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า หลายวันที่ผ่านมาได้มีการประชุม morning Brief สภากาแฟ กันระหว่างผู้อำนวยการส่วนทุกส่วน เช่นผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฎิบัติการไฟป่า ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ เป็นต้น
ที่ประชุมตนได้แจ้งให้ทราบว่า ให้ทุกหน่วยงานปฎิบัตตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ท่านปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช
โดยในปีนี้ให้เตรียมพร้อมในการป้องกันและควบคุมไฟป่าเข้มข้น โดยให้ทุกหน่วยงาน ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า หน่วยควบคุมไฟ หรือหน่วยงานอื่นๆในสังกัด ให้ใช้มาตรการในการป้องกัน และควบคุมไฟป่าอย่างเข้มข้นตามนโยบายฯ
และในปีนี้ผู้ใดลักลอบจุดไฟเผาป่า ทำให้เกิดไฟไหม้ป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ในเขตป่าอนุรักษ์ หากถูกจับได้จะมีโทษสูงสุด จำคุก ตั้งแต่ 6 ปี ถึง 30 ปี และปรับตั้งแต่ 6แสน ถึง 3 ล้านบาท เลยที่เดียว
ขณะเดียวกันตนยังตั้งเงินรางวัลนำจับ หากมีผู้ใดแจ้งเบาะแส ทำให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดเผาป่าในเขตป่าอนุรักษ์ได้ จะได้รับเงินรังวัลนำจับ จำนวน 1 หมื่นบาท โดยมารับเงินได้ที่สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จ.ราชบุรี
และในปีนี้ จะมีการสำรวจการถือครองที่ดินถือครองของประชาชน ตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติมาตรา 64 และตามกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 121 ให้แล้วเสร็จตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 240 วัน ตั่งแต่วันที่ 25 พ.ย. 62 ถึงวันที่ 21 ก.ค. 2563
ซึ่งกฎหมายดังกล่าวนั้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกิน และการสำรวจต้องอยู่ในวัตถุประสงค์ตามมติครม. 30 มิ.ย.41 จะต้องเป็นราษฎรเดิม ทำกินอยู่ในที่เดิม หรือเป็นทายาดของราษฎรเดิมนั้น และทำกินต่อเนื่องก่อนวันประกาศเขตสงวนหวงห้ามครั้งแรกหรือหลังประกาศเขตสงวนหวงห้าม ห้ามไปสำรวจให้กับบุคคลภายนอก ที่มีการซื้อ ขาย เปลี่ยนมือ หรือโอนสิทธิในที่ดินที่มีการถือครองในเขตป่าอนุรักษ์โดยเด็ดขาด บุคคลภายนอกที่ได้มีการซื้อ ขาย เปลี่ยนมือ หรือรับโอนสิทธิที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีความผิดตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ มาตรา 19 และกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 55 ฉบับใหม่ ปี 2562 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 30 ปี ปรับสูงสุด 3 ล้านบาท เช่นกัน