ผอ.โรงเรียน เปิดใจแล้ว หลังโดนผู้ปกครองประท้วง อมเงินค่าอาหารกลางวันเด็ก
14 ธ.ค. 2562, 13:00
จากกรณี ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมชาวบ้านกว่า 200 คน ได้รวมตัวกันถือป้ายประท้วงที่บริเวณหน้าอาคารเรียน เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการบริหารงานของ ผอ.โรงเรียน โดยกล่าวหาว่า ผอ.มีพฤติกรรมหักหัวคิวเงินค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ที่ได้รับการอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหัวละ 20 บาท รวมเป็นเงินเฉลี่ยวันละ 3,700 บาท แต่ ผอ.เซ็นจ่ายค่าทำอาหารกลางวันเพียงวันละ 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้อาหารกลางวันไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่กว่า 180 คน
ผู้ปกครองเปิดเผยว่า เด็กพากันบ่นว่ากินไม่อิ่ม บางวันข้าวก็หมด คนที่มาทีหลังก็จะเหลือแต่น้ำแกงจืดให้กิน โดยมีคลิปที่ผู้ปกครองถ่ายภาพน้ำแกงจืดไว้เป็นหลักฐานด้วย เป็นแบบนี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ ผอ.คนดังกล่าวย้ายมาดำรงตำแหน่งที่โรงเรียน เด็กนักเรียนก็พากันไปบอกพ่อแม่ผู้ปกครองว่ากินข้าวกลางวันไม่อิ่ม เมื่อมาสอบถามทางครูที่โรงเรียนก็อธิบายว่า ค่าอาหารกลางวันที่ได้รับอุดหนุนจากทางเทศบาล ผอ.เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการเองทั้งหมด จึงไม่มีใครกล้าทักท้วง
จากกรณีดังกล่าวชาวบ้าน และผู้ปกครองจึงได้พากันมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่า ผอ.บริหารงานไม่โปร่งใสมีการหักหัวคิวค่าอาหารกลางวันเด็กจริง ก็ให้ดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและอาญา และช่วงระหว่างการตรวจสอบก็อยากให้ย้ายออกจากพื้นที่ไปก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสในการตรวจสอบด้วย
นางสายไหม ผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่ง กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ป.2 บ่อยครั้งที่หลังเลิกเรียนลูกจะกลับไปบอกว่าหนูกินข้าวไม่อิ่ม บางวันข้าวหมดเหลือแต่น้ำแกงจืด ตนได้ยินก็ตกใจและสงสารลูก เข้าใจว่าทางโรงเรียนมีงบรัฐบาลอุดหนุนอยู่แล้วแต่ทำไมลูกถึงกินข้าวไม่อิ่ม ถ้ารู้ว่าลูกมาโรงเรียนแล้วกินข้าวกลางวันไม่อิ่ม ก็จะให้ลูกห่อข้าวจากที่บ้านมาเอง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ที่ผ่านมาตั้งแต่สมัย ผอ.คนเดิม ลูกไม่เคยไปบอกว่ากินข้าวไม่อิ่มเลย จึงอยากให้ทางผู้หลักผู้ใหญ่ตรวจสอบด้วยว่าเกิดจากอะไร และอยากให้หาทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้เด็กทุกๆ คนได้กินอิ่ม
ล่าสุด น.ส.พิชณ์สินี ศรีทัพไทยเบญญาภา ผอ.โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ก็ได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ปปช. และ ปปท.ภาค 3 ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนภายหลังมีการร้องเรียน และ ผอ.ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยว่า จากกรณีที่มีชาวบ้าน และผู้ปกครองออกมาประท้วงและร้องเรียนให้ตรวจสอบตนเอง โดยกล่าวหาว่ามีการหักหัวคิวเงินค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนนั้น ขอชี้แจงว่าตนเองย้ายมาดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ยืนยันว่าการทำงานหรือดำเนินการทุกอย่างตนยึดถือตามกฎระเบียบ อะไรที่ส่อไปทางทุจริต ล่อแหลม ก็จะประชุมตักเตือนนิเทศกันตลอด ตนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีการร้องเรียนกล่าวหาแบบนี้ แต่ก็พร้อมให้ตรวจสอบทุกกระบวนการ แต่กระบวนการตรวจสอบก็ต้องมีความโปร่งใสและยุติธรรม
ส่วนการเบิกจ่ายเงินค่าอาหารกลางวันที่ได้รับการอุดหนุนจากทางเทศบาลหัวละ 20 บาทตามจำนวนนักเรียนนั้น ผอ.ชี้แจงว่า คนที่ดูแลรับผิดชอบก็เป็นครูการเงินเป็นผู้ดำเนินการ แต่ยอมรับว่ามีบางครั้งที่ ผอ.รับหน้าที่ไปเบิกเงินจากธนาคารให้ เนื่องจากตนเองมีบ้านพักอยู่ในตัวเมือง ซึ่งก็เป็นการดูแลช่วยเหลือกันเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการทุจริตตามที่ถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน ก็มีเอกสารหลักฐานพร้อมชี้แจงทุกอย่าง ส่วนกรณีที่ว่าได้รับเงินอุดหนุนมาวันละ 3,720 บาท แต่ทำไมจ่ายค่ากับข้าว 2,000 บาท ก็ชี้แจงว่า 2,000 บาท เป็นเพียงค่ากับข้าวหม้อละ 1,000 บาท สั่งมา 2 หม้อก็ 2,000 บาท ที่เหลือก็เป็นค่าข้าว ของหวาน และผลไม้ แต่หลังจากที่ได้รับทราบว่ากับข้าวไม่เพียงพอก็ได้ให้ทำเพิ่มจาก 2 หม้อ เป็น 3 หม้อ
ขณะที่นายวันชาติ นาคะอุไร ผู้รับจ้างทำอาหารกลางวัน บอกว่า ตนเริ่มรับทำอาหารกลางวันให้กับทางโรงเรียนเมื่อปี 2561 ยอดเด็กนักเรียนขณะนั้น 202 คน ได้รับเงินค่าจ้างเหมาในการทำอาหารวันละ 4,040 บาท ในจำนวนเงินดังกล่าวก็จะทำกับข้าว 2 อย่างหรือ 2 หม้อแบบเผ็ด 1 อย่างจืด 1 อย่าง คิดเป็นหม้อละ 1,000 บาท ข้าวสารหุงสุกวันละ 10 กิโลกรัม ส่วนผลไม้ตามฤดูกาล และขนมหวานก็จะมีสัปดาห์ละ 2 วัน ก็จะมีครูเวรคอยดูแล ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนเรื่องอาหารน้อยไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนนั้น ตนเองไม่เคยทราบและทางโรงเรียนก็ไม่เคยแจ้ง แต่ยืนยันว่าก็ทำสัญญาจ้างเหมาและตนเองก็ทำอาหารให้ตามอัตราที่ได้รับว่าจ้างเท่านั้น
ภาพ MCOT สำนักข่าวไทย