วันที่ 19 ธ.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานข่าว เกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักเป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน ส่งผลทำให้แม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แม่น้ำสายหลัก ได้ล้นตลิ่งขึ้นกว่าตลิ่ง 1.90 เมตร และได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ราบลุ่ม และตลอดแนวริมตลิ่ง จำนวน 5 อำเภอ คือ สุคิริน แว้ง ศรีสาคร จะแนะและรือเสาะ มีน้ำท่วมขัง 148 หมู่บ้าน 24 ตำบล มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 8,336 ครัวเรือน รวม 37,171 คน

จากการตระเวนสำรวจพื้นที่ อ.แว้ง ซึ่งเป็นต้นน้ำที่มวลน้ำได้ไหลระบายลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก เพื่ออีกต่ออีกทอดหนึ่งเพื่อระบายลงสู่ปากอ่าวทะเลด้าน อ.ตากใบ ที่ถือว่าหนักที่สุดเมื่อวานที่ผ่านมา โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนของประชาชน สูงโดยเฉลี่ย 2 เมตร พบว่าในช่วงเช้านี้ปริมาณน้ำท่วมขังได้ลดลงตามลำดับ โดยมีน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 40 ถึง 50 ซ.ม. ซึ่งหมู่บ้านนูโร๊ะ ม.1 ต.โล๊ะจูด เป็น 1 ใน 17 หมู่บ้านของ 4 ตำบล อ.แว้ง ที่มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งยังอาศัยอยู่ และต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางสู่โลกภายนอก

 

 

แต่ถึงอย่างไรก็ตามนอกจากประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพันทหารราบเชิงรุกที่ 1 ที่ฐานปฏิบัติการณ์ได้ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ได้พัดรั้วไม้ไผ่ที่ใช้สำหรับทำเป็นกำแพงฐาน พังเสียหายที่บริเวณด้านหน้าเกือบทั้งแถบ แถมแท่นบาริเออร์ที่ใช้สำหรับตั้งไว้เป็นอุปกรณ์ในการตรวจบุคคลและยานพาหนะผ่านไปมา ถูกกระแสน้ำพัดหายเข้าไปอยู่ในป่าสวนยางพารา ซึ่งห่างจากฐานประมาณ 400 เมตร

 

นอกจากนี้แล้วจากสภาวะน้ำท่วมจากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลทำให้ถนนสายหลักและรองรองในพื้นที่ 5 อำเภอ มีน้ำท่วมขังจนยานพาหนะไม่สามารถสัญจรไปมาได้ จำนวน 13 สาย โดยเฉพาะถนนสายโทสี่ตัดถนนหมู่บ้านนูโร๊ะ ม.1 ต.โล๊ะจูด ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวได้กัดผิวถนนจนทรุดไปกับกระแสน้ำ โดยเสียหายไปเกือบ 1 ช่องการจราจร ซึ่งขณะนี้มีหน่ายงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำป้ายไปติดตั้งเพื่อเตือนประชาชนที่ใช้ยานพาหนะสัญจรไปมา

 

ด้านนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้สำรวจความเสียหายจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ประกาศเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ 5อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแว้ง สุคิริน ศรีสาคร จะแนะและรือเสาะ พร้อมทั้งเตรียมที่จะประกาศ อ.สุไหงโก-ลก เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากแม่น้ำสุไหงโก-ลก ในขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤตจากปริมาณน้ำในพื้นที่ อ.สุคิรินและแว้ง ได้ไหลระบายลงมาสมทบ ซึ่งมีระดับน้ำท่วมสูงกว่าตลิ่งเกือบ 2 เมตรแล้ว